รมว.อว.เสนอเกณฑ์กรอบมาตรฐานคุณวุฒิระดับอุดมศึกษาแห่งชาติ (มคอ.) ที่ยุ่งยากน้อยลง เนื่องจากที่เป็นอยู่ได้สร้างภาระให้อาจารย์ต้องใช้เวลาในการเตรียมและจัดทำเอกสารมากมาย แทนที่จะใช้เวลาในการเรียนการสอนมากกว่านี้ และให้พิจารณาแนวทางการประเมินคุณภาพ (QA) ใหม่
พร้อมกันนี้ให้กระทรวงอว.และ กกอ. – กมอ.และ กพอ หาแนวทางในการให้ตำแหน่งวิชาการในรูปแบบใหม่ เช่น ศาสตราจารย์วิจัย สำหรับนักวิจัยที่ไม่ได้เป็นอาจารย์สอน หรือ ศาสตราจารย์ปฏิบัติ สำหรับผู้เชี่ยวชาญในอาชีพเฉพาะทางต่างๆ โดยไม่มีเงินประจำตำแหน่งก็ได้ และไม่จำเป็นต้องโปรดเกล้าฯ
กรุงเทพฯ – 15 กันยายน 2563 : ศ.ดร.เอนก เหล่าธรรมทัศน์ รัฐมนตรีว่าการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) เปิดเผยหลังการประชุมคณะกรรมการการอุดมศึกษา(กกอ.) และคณะกรรมการมาตรฐานการอุดมศึกษา (กมอ.) ว่า ได้ขอให้ กกอ./กมอ.หาแนวทางเพื่อให้มหาวิทยาลัยเน้นผลสัมฤทธิ์การศึกษาเพื่อให้บัณฑิตสามารถปฏิบัติงานและทำงานได้จริง ควบคู่ไปกับการเน้นความสามารถทางวิชาการที่ยอดเยี่ยม นอกจากการนำเข้าองค์ความรู้หรือเทคโนโลยีจากต่างประเทศ รวมทั้งขอให้หาแนวทางเพื่อให้มหาวิทยาลัยสามารถส่งออกองค์ความรู้หรือเทคโนโลยีไปสู่ต่างประเทศด้วย
นอกจากนี้ ยังขอให้หาแนวทางในการให้ตำแหน่งวิชาการในรูปแบบใหม่ เช่น ศาสตราจารย์วิจัย (Research Professor) สำหรับนักวิจัยหรือบุคลากรวิจัย หรือ ศาสตราจารย์ปฏิบัติ (Professor of Practice) สำหรับผู้เชี่ยวชาญในอาชีพเฉพาะทางต่างๆ โดยไม่จำเป็นต้องโปรดเกล้าฯ และไม่มีเงินประจำตำแหน่ง ซึ่งตำแหน่งเหล่านี้ควรมีเกณฑ์ในการมอบตำแหน่งชัดเจนและอาจจำกัดจำนวนตำแหน่งต่อปี
รมว.อว. กล่าวว่า ทั้งนี้ มหาวิทยาลัยต้องปรับไปสู่การเป็นสถาบันการเรียนรู้ตลอดชีวิต (Life-Long Learning Institution) โดยสร้างหลักสูตรเพื่อนำผู้สูงอายุ จำนวนกว่า 11 ล้านคน มาเรียนรู้ด้วยมุมมองใหม่ สร้างผู้สูงอายุให้เป็นพลัง มีทักษะสามารถทำงานหรือใช้ชีวิตอย่างมีประสิทธิภาพ แทนที่จะเป็นภาระในการใช้จ่ายเพื่อดูแลผู้สูงอายุ นอกจากนี้ ควรสร้างหลักสูตรพัฒนากลุ่มคนทำงานและแรงงานในอุตสาหกรรม ที่มีจำนวนกว่า 30-40 ล้านคน มาเพิ่มและปรับปรุงทักษะสามารถเพิ่มผลิตภาพให้แก่ประเทศ
“ที่สำคัญ ขอให้ กมอ.พิจารณาทบทวน เกณฑ์กรอบมาตรฐานคุณวุฒิระดับอุดมศึกษาแห่งชาติ (มคอ.) ซึ่งเป็นภาระทางเอกสารทำให้อาจารย์ต้องใช้เวลาในการเตรียมและจัดทำมากไป แทนที่จะใช้เวลาในการเรียนการสอนที่มีคุณภาพตามวัตถุประสงค์ของการประกันคุณภาพ และอาจพิจารณาแนวทางการประเมินคุณภาพ (QA) ใหม่ เช่น ให้หน่วยงานที่ผ่านการประเมินได้รับการยกเว้นการประเมินในระยะเวลา 3 ปี เพื่อลดภาระด้านการประเมิน และ ขอให้ทบทวนเกณฑ์ระยะเวลาการสำเร็จการศึกษาในแต่ละระดับ เนื่องจากไม่สอดคล้องกับแนวการจัดการศึกษาในปัจจุบัน ที่เน้นการเรียนรู้ตลอดชีวิต และความยืดหยุ่นในการศึกษา รวมทั้ง ขอให้ทบทวนเกณฑ์การสอนหรือการสอบสำเร็จการศึกษา ที่ต้องใช้ผู้สอนหรือกรรมการที่มีตำแหน่งทางวิชาการเท่านั้น เช่น คณะนิติศาสตร์ หากไม่เป็นศาสตราจารย์ ก็ไม่สามารถเป็นกรรมการสอบปริญญาเอกได้ แม้จะมีประสบการณ์เป็นประธานศาลฎีกามาแล้ว กล่าวคือ ขอให้สามารถนำผู้มีประสบการณ์ มาสอน/สอบวิทยานิพนธ์ ดุษฎีนิพนธ์ได้ สะดวกโดยไม่จำเป็นต้องมีตำแหน่งวิชาการ เป็นศาสตราจารย์หรือรองศาสตราจารย์เท่านั้น เป็นต้น” ศ.ดร.เอนก กล่าว