โรงเรียนสามภาษาจื้อ–เล่อ พัฒนา เปิดตัวแคมปัสบนถนนรามคำแหง ขานรับวิสัยทัศน์กระทรวงศึกษาธิการ ด้านให้การศึกษาที่มีคุณภาพแก่ทุกคน และแก้ไขปัญหาสำคัญของภาคการศึกษา ด้วยการเรียบสามภาษาในราคาที่ผู้ปกครองเข้าถึงได้ โดยสนนราคาค่าเล่าเรียนเริ่มต้นที่ 100,000 บาทต่อปี หรือประมาณ 50,000 บาทต่อภาคการศึกษา ไม่มีค่าแรกเช้า ค่าลงทะเบียนเรียน หรือค่าธรรมเนียมพิเศษใด ๆ เน้นหลักสูตรภาษาไทย เสริมภาษาจีน และอังกฤษแบบเข้มข้น (ICEP) สำหรับเด็กอายุ 2 – 11 ปี ในปีการศึกษา 2568 ตั้งเป้าขยาย 5 – 7 แคมปัส ภายใน 10 ปี ด้านสถานทูตจีนและมาเลเซียในประเทศไทย มองการเตรียมความพร้อมให้กับนักเรียนปฐมวัยด้วยความสามารถด้านสามภาษา ถือเป็นกุญแจสำคัญในการเปิดโอกาสทางการศึกษาและอาชีพในอนาคต เพิ่มศักยภาพให้กับคนรุ่นต่อไป และมีส่วนร่วมต่อความเจริญของอาเซียน
ดร. สิริพงศ์ อังคสกุลเกียรติ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงศึกษาธิการ กล่าวว่า ความสำคัญของการเรียนหลายภาษาในโลกยุคโลกาภิวัตน์ในปัจจุบัน โดยเฉพาะการเรียนรู้สามภาษา ในช่วงตั้งแต่วัยเด็กจะสามารถช่วยเพิ่มพัฒนาการทางปัญญา และเตรียมนักเรียนให้พร้อมสำหรับโอกาสในอนาคต การวิจัยระบุว่าเด็กที่เรียนหลายภาษาตั้งแต่อายุยังน้อยมีแนวโน้มที่จะมีทักษะการแก้ปัญหาที่ดีขึ้น มีความคิดสร้างสรรค์มากขึ้น และมีความจำที่ดีขึ้น กลยุทธ์สำคัญของกระทรวงศึกษาธิการคือ การให้การศึกษาที่มีคุณภาพแก่ทุกคน และการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ที่จะช่วยเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศ การเปิดตัวโรงเรียนสามภาษา จื้อ-เล่อ พัฒนา สอดล้องกับกลยุทธ์ดังกล่าวเป็นอันมาก ทั้งนี้ การพัฒนาการศึกษาของไทยต้องอาศัยความร่วมมือและการสนับสนุนจากผู้มีส่วนได้ส่วนเสียทุกฝ่าย ไม่ว่าจะเป็นภาครัฐ ภาคเอกชน ประชาชน และผู้ปกครอง
ด้านบง ยิก จุย อุปทูตและรองหัวหน้าคณะผู้แทน สถานเอกอัครราชทูตมาเลเชียประจำประเทศไทยกล่าวว่า ความร่วมมืออันแข็งแกร่งระหว่างไทยและมาเลเซีย โดยเฉพาะเป้าหมายการค้าทวิภาคีถึง 30,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ภายในปี 2570 คาดว่าจะสร้างโอกาสทางเศรษฐกิจที่สำคัญ โดยย้ำถึงความสำคัญของการส่งเสริมแรงงานที่มีทักษะที่จำเป็น โดยเฉพาะทักษะภาษาจีนกลาง การก่อตั้งโรงเรียนสามภาษา จื้อ-เล่อ พัฒนา นับเป็นช่วงเวลาที่เหมาะสมและมีความสำคัญ เนื่องจากจะช่วยให้นักเรียนมีทักษะภาษาเป็นเครื่องมือสู้ความสำเร็จในระดับท้องถิ่น ภูมิภาค และระดับโลก รวมทั้งเป็นการเตรียมความพร้อมให้กับคนรุ่นต่อไป ในการรับมือกับความท้าทายในอนาคตด้วยการศึกษาตั้งแต่วัยเด็ก
วอลเตอร์ ลี ผู้ก่อตั้ง โรงเรียนสามภาษาจื้อ–เล่อ พัฒนา และประธาน กลุ่มบริษัทจื้อ–เล่อ กล่าวว่า
การเรียนรู้หลายภาษาเป็นเครื่องมือสำคัญในการขยายชอบเขตความรู้และเปิดสู่โอกาสใหม่ ๆ แต่อย่างไรก็ดีการศึกษาที่มีคุณภาพในประเทศไทยมักมีราคาสูง ส่งผลให้มีกลุ่มครอบครัวจำนวนหนึ่งเท่านั้นที่สามารถเข้าถึงการศึกษาดังกล่าว ด้วยเหตุนี้ กลุ่มบริษัท จื้อ-เล่อ จึงมีเป้าหมายที่จะส่งเสริมให้นักเรียนรุ่นเยาว์ในประเทศไทยได้มีหลักสูตรสามภาษา ไทย อังกฤษ และจีน ที่มีคุณภาพสูง ในราคาที่เข้าถึงได้ ปัจจุบันโรงเรียนฯ ได้เปิดลอนหลักสูตรที่เน้นความเข้มข้นของภาษาอังกฤษ (Intensive English Program หรือ IEP) และจะเปลี่ยนเป็นหลักสูตรสามภาษาที่เน้นภาษาจีน และภาษาอังกฤษแบบเข้มข้น (IntensiveChinese-English Program หรือ ICEP) ในปีการศึกษา 2568 สำหรับเด็กอายุ 2 – 11 ปี โดยหลักสูตรภาษาไทยอังกฤษ และจีน จะเรียนภาษาไทย 49% ภาษาอังกฤษ 27% และภาษาจีน 24% ทั้งนี้ จะปลี่ยนเป็นภาษาไทย 40% ภาษาอังกฤษ 30% และภาษาจีน 30% ภายใน 2 ปี นอกจากนี้ ยังเน้นหลักสูตร 5 เสาหลัก ได้แก่ การพัฒนาแบบองค์รวม การคิดเชิงวิพากษ์ ศิลปะและความคิดสร้างสรรค์วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี รวมทั้งมุมมองระดับโลก
“เพื่อให้หลักสูตรสามภาษาคุณภาพสูงดังกล่าวมีราคาที่เอื้อมถึงและเข้าถึงได้ โรงเรียนสามภาษาจื้อ-เล่อ พัฒนา จึงกำหนดค่าเล่าเรียนเริ่มต้นที่ประมาณ 50,000 บาทต่อภาคการศึกษา หรือประมาณ100,000 บาทต่อปี ซึ่งเป็นแคมปัสแรกในปีการศึกษา จะเริ่มรับสมัครนักเรียนในปีการศึกษา2568 ตั้งแต่ 12 กุมภาพันธ์ 2568 เป็นต้นไป ทั้งนี้ ยังได้ตั้งเป้าขยาย 5-7 แคมปัสภายในระยะเวลา 10 ปี เพื่อสร้างความมั่นใจให้ผู้ปกครองที่จะส่งบุตร-หลาน ได้สามารถเข้าถึงการเรียนรู้สามภาษาที่มีคุณภาพสัมผัสราคาที่เข้าถึงได้ตั้งแต่ระดับปฐมวัย อีกทั้งเดินหน้าเสริมหลักสูตรที่นำเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ (AI) เข้ามาเสริมทัพการเรียนการสอนตลอดภาคการศึกษาอีกด้วย” วอลเตอร์ ลี กล่าว
ด้านเจ้า เยี่ยนชิง ประธานและกรรมการ คณะกรรมาธิการเพื่อกระทรวงศึกษาธิการจีน ประเทศไทย กล่าวว่า การศึกษาภาษาจีนในประเทศไทยมีความก้าวหน้าอย่างมาก ภายใต้การเปลี่ยนแปลงทางอุตสาหกรรมครั้งที่ 5 ทำให้ความต้องการทักษะภาษาจีนในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงได้เติบโตอย่างรวดเร็วการเพิ่มขึ้นของโรงเรียนสามภาษา สะท้อนถึงความต้องการที่เปลี่ยนแปลงของสังคม และความร่วมมือระหว่างโรงเรียนสามภาษาจื้อ-เล่อ พัฒนา กับแพลตฟอร์มการศึกษาอย่าง MetaLingo นับว่าเป็นก้าวสำคัญในการพัฒนาการศึกษาหลายภาษาที่มีคุณภาพสูง ผ่านการแปลงสู่ดิจิทัลและความเป็นมาตรฐาน โดยความร่วมมือดังกล่าวจะมีบทบาทสำคัญในการบ่มเพาะบุคลากรที่มีความสามามารถที่จำเป็นสำหรับการเติบโตทางเศรษฐกิจในอนาคตตของประเทศไทยเพื่อส่งเสริมความเท่าเทียมทางการศึกษา
อย่างไรก็ตามจุดเด่นของโรงเรียนที่สร้างความเชื่อมั่นให้กับผู้ปกครองที่จะส่งบุตรหลานเข้ามาเรียนนอกเหนือการได้รับการศึกษาสามภาษาที่มีคุณภาพแล้ว นักเรียนจะได้สัมผัสบรรยากาศโรงเรียนที่อยู่ท่ามกลางสิ่งแวดล้อมที่เป็นธรรมชาติ ร่มรื่น สะอาด และปลอดภัย อีกทั้งยังช่วยส่งเสริมให้เด็กมีพัฒนาการในการเรียนรู้ได้อย่างรวดเร็ว สามารถดูแลนักเรียนได้อย่างทั่วถึงเปรียบดั่งครอบครัว พร้อมทั้งเน้นให้ผู้เรียนได้มีทักษะทางการคิดวิเคราะห์อย่างสร้างสรรค์และเป็นระบบ ให้ความสำคัญกับ “การเรียน” มากกว่า “การสอน” เน้นคุณครูผู้สร้างแรงบันดาลใจ มีใจรักในวิชาชีพ เพื่อเป็นต้นแบบที่ดีให้กับนักเรียน
ภายในงานเปิดตัวโรงเรียนสามภาษาจื้อ-เล่อ พัฒนา ได้มีการมอบการศึกษาจำนวน 2 ทุนให้กับ มูลนิธิซาย มูฟเม้นท์” (Zy Movement Foundation) เพื่อนำไปมอบให้กับนักเรียนที่มีความพิการทางการเคลื่อนไหวต่อไป ความคิดริเริ่มนี้สะท้อนให้เห็นถึงความมุ่งมั่นของโรงเรียน มีการศึกษาสามภาษาที่เข้าถึงได้ ราคาไม่แพง และมีคุณภาพสูง ตลอดจนส่งเสริมความเท่าเทียมส่วนของสังคมไทย
วอลเตอร์ ลีฯ กล่าวทิ้งท้าย พร้อมชูแนวคิดด้านความเท่าเทียมในสังคม โดยให้เหตุผลว่าปัจจุบันทุกภาคการศึกษาควรเริ่มสร้างมาตาฐานความเท่าเทียมจากโรงเรียนเป็นอันดับแรก อาทิ เพิ่มบุคลากรทางการศึกษาหรือคุณครูที่มีความพิการทางด้านร่างกายเข้ามาปฏิบัติหน้าที่ และส่งเสริมให้นักเรียนที่มีความบกพร่องทางด้านร่างกายให้ได้รับโอกาสการเรียนการสอนเทียบเท่าบุคคลอื่นๆ สิ่งเหล่านี้จะช่วยลดความเหลื่อมล้ำ เป็นการปลูกฝังให้เกิดการยอมรับซึ่งกันและกันนำไปสู่ความเท่าเทียมเสมอภาคในสังคมที่เริ่มต้นจาการภาคศึกษาของไทยได้