สำนักงานสภาพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ คาดการณ์เศรษฐกิจไทยปี 2568 ว่าจะเติบโตอยู่ในช่วง 2.3-3.3% ซึ่งสะท้อนถึงการขยายตัวต่อเนื่องจากปี 2567 แม้ต้องเผชิญกับความเสี่ยงหลายด้านที่อาจส่งผลกระทบต่อการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจ การบริหารนโยบายเศรษฐกิจมหภาคมีความสำคัญอย่างยิ่ง โดยเฉพาะการผลักดันภาคส่งออกให้เติบโตอย่างยั่งยืนและเตรียมพร้อมรับมือกับมาตรการกีดกันทางการค้า นอกจากนี้ยังต้องขับเคลื่อนการลงทุนโดยเร่งรัดการเบิกจ่ายงบประมาณภาครัฐให้เป็นไปตามเป้าหมายที่กำหนดไว้
สถาบันวิจัยวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งประเทศไทย (วว.) ในฐานะหน่วยงานรัฐวิสาหกิจในสังกัดกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) จึงได้จัดการประชุมระดมความคิด หน่วยงานกำกับดูแล พันธมิตรคู่ความร่วมมือ ลูกค้า คู่ค้า คู่เทียบ ชุมชน สังคม และสื่อมวลชน ร่วมกำหนด “บทบาทการดำเนินงานของ วว. ในอนาคต” พร้อมชู “4 กลยุทธ์ : S – I – E – N” เป็นแนวทางการขับเคลื่อนองค์กรในระยะเวลา 4 ปี เพื่อนำ วทน. ไปพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมของประเทศให้เติบโตยั่งยืน ภายใต้แผนวิสาหกิจ พ.ศ. 2568– 2571 มีขอบเขตประเด็นระดมความคิดเห็นในการทบทวน ได้แก่ การทบทวนวิสัยทัศน์ เป้าหมาย พันธกิจ ยุทธศาสตร์ กลยุทธ์ ผลงานและบริการด้านวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี และนวัตกรรม (Technology Roadmap) ให้ความสำคัญกับการพัฒนางานวิจัย บริการถ่ายทอดเทคโนโลยี เพื่อรองรับการวิจัยและให้บริการกับภาคธุรกิจและประชาชน เพื่อเสริมแกร่ง สร้างคุณภาพชีวิตที่ดี ให้ประเทศไทยเติบโตทั้งในมิติเศรษฐกิจ สังคมและสิ่งแวดล้อม อย่างเข้มแข็ง มั่นคง มั่งคั่ง อย่างยั่งยืน
ศ.ดร.ศุภชัย ปทุมนากุล ปลัดกระทรวง อว. ในฐานะประธานกรรมการสถาบันวิจัยวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งประเทศไทย กล่าวว่า อว. มอบหมายให้ วว. เป็นหน่วยงานที่ช่วยขับเคลื่อนการสร้างมูลค่าและคุณค่าทางเศรษฐกิจ สร้างรายได้ชุมชนและประเทศชาติ รวมทั้งเสริมให้ วว. มีบทบาทสร้างเยาวชนนักวิทยาศาสตร์รุ่นใหม่ที่มีความรู้ด้านธุรกิจควบคู่กัน เพื่อให้มีส่วนร่วมในการพัฒนานวัตกรรมและเศรษฐกิจของประเทศไทย
“คณะบอร์ดของ วว. มีนโยบายกำกับทิศทางการดำเนินงานในช่วงปี 2567-2568 ดังนี้ 1) วิจัยและพัฒนาเทคโนโลยีและนวัตกรรม เพื่อสนับสนุนการขับเคลื่อนอุตสาหกรรมทางการแพทย์และสุขภาพของประเทศ 2) วิจัยและพัฒนาเทคโนโลยีและนวัตกรรม เพื่อจัดการกับปัญหาสิ่งแวดล้อมและสนับสนุนการขับเคลื่อนประเทศไทยสู่สังคมคาร์บอนต่ำ 3) เร่งการพัฒนาบริการวิเคราะห์ทดสอบมูลค่าสูงที่ได้มาตรฐานสากล เพื่อลดการส่งวิเคราะห์ทดสอบต่างประเทศของผู้ประกอบการ SMEs และ 4) ขับเคลื่อนสู่การเป็นองค์กรอัจฉริยะ (Intelligence Organization) ที่สามารถใช้ทรัพยากรที่มีอยู่อย่างชาญฉลาดและคุ้มค่า สามารถปรับตัวเพื่อสร้างความสามารถที่มีเอกลักษณ์ในการแข่งขันและสร้างคุณค่า เพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้า ซึ่ง วว. ได้นำนโยบายสู่การปฏิบัติ โดยจัดทำแผนวิสาหกิจ พ.ศ. 2566-2570 ที่เป็นรูปธรรมในการพัฒนาศักยภาพขององค์กร โดยมียุทธศาสตร์ที่ครอบคลุมการพัฒนา BCG ( Bio-Circular -Green Economy) มูลค่าสูง การส่งเสริม SMEs ภาคอุตสาหกรรม การวิจัยพัฒนาด้านพลังงานและสิ่งแวดล้อม ตลอดจนมุ่งสู่การเป็นองค์กรอัจฉริยะเพื่อสร้างความยั่งยืนต่อไป” ปลัดกระทรวง อว.กล่าว
ผศ.ดร.วีรชัย อาจหาญ ผู้ว่าการสถาบันวิจัยวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งประเทศไทย (วว.) กล่าวว่า แนวทางการขับเคลื่อน วว. ในช่วง ปี 2568-2571 ภายใต้บริบทการแก้ไขเพิ่มเติม (ร่าง) พรบ. สถาบันวิจัยวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งประเทศไทย (ฉบับที่) พ.ศ…. ที่จะประกาศใช้ในเร็วๆ นี้ โดยวว. เป็นหน่วยงานที่มีบทบาทสำคัญในการดำเนินงานตามแผนพัฒนารัฐวิสาหกิจ พ.ศ. 2566 – 2570 ที่กำหนดให้ วว. เป็นหน่วยงานหลักในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจ SMEs ร่วมกับรัฐวิสาหกิจและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง โดยมุ่งมั่นที่จะขับเคลื่อนองค์กรภายใต้กรอบการพัฒนาความยั่งยืนโดยคำนึงถึงผลลัพธ์ที่ดีต่อเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อม ซึ่งสอดคล้องกับเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืนขององค์การสหประชาชาติ (UN Sustainable Development Goals : SDGs) ภายใต้การพัฒนาความยั่งยืนตามกรอบ ESG Framework ที่ประกอบด้วย 3 ส่วนสำคัญ ได้แก่ สิ่งแวดล้อม (Environmental) สังคม (Social) และการกำกับดูแลที่ดี (Governance) โดย วว. ได้กำหนดทิศทางการดำเนินงานภายใต้วิสัยทัศน์ “สร้างความเข้มแข็งให้แก่ภาคอุตสาหกรรม SMEs และชุมชนผ่านระบบนิเวศ นวัตกรรม วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีอย่างยั่งยืน”
วว. มุ่งขับเคลื่อนการดำเนินงาน ภายใต้ 4 กลยุทธ์หลัก (S-I-E-N) ใน 4 ปีข้างหน้า
ในระยะเวลา 4 ปีข้างหน้า วว. มุ่งขับเคลื่อนการดำเนินงานองค์กร ภายใต้การดำเนินการ 4 กลยุทธ์หลัก (S – I – E – N) ดังนี้ กลยุทธ์ที่ 1 S : Science Technology and Innovation เร่งสร้างผลงานวิจัย วิทยาศาสตร์ เทคโนโลยีและนวัตกรรม เพื่อตอบโจทย์ประเทศ ในขอบข่ายอุตสาหกรรมแห่งอนาคต 4 กลุ่ม 1.เกษตรและอาหาร 2.สุขภาพและการแพทย์ 3.พลังงาน วัสดุและเคมีชีวภาพ 4.ยานยนต์สมัยใหม่ โดยครอบคลุม 10 ด้าน 1.นวัตกรรมเกษตรสมัยใหม่ 2.นวัตกรรมอาหาร 3.นวัตกรรมพืชสมุนไพร 4.การใช้ประโยชน์จากจุลินทรีย์เชิงอุตสาหกรรม 5.เซลล์บำบัด 6.นวัตกรรมเศรษฐกิจหมุนเวียน 7.นวัตกรรมเศรษฐกิจสีเขียว 8.นวัตกรรมพลังงานสะอาด 9.เทคโนโลยียานยนต์ไฟฟ้าและชิ้นส่วน และ 10.เทคโนโลยีระบบอัดประจุไฟฟ้าและระบบควบคุม)
กลยุทธ์ที่ 2 I : Infrastructure การพัฒนาและยกระดับโครงสร้างพื้นฐานวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ดังนี้ 1.การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี (STI) ได้แก่ สถานที่ผลิตยาหมวดชีววัตถุ (ATMPs, Cell Therapy) ที่ได้รับการรับรองจาก อย. และ Stem Cell Plant มาตรฐาน PIC/S GMP ,Stem Cell Bank ISO IEC 20378 กำลังผลิต 1,200,000 เซลล์/ปี โดยจะสร้างเสร็จในปี 2568 ใช้ระบบบริหารจัดการโดย Contract Development and Manufacturing Organization (CDMO) 2.การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านคุณภาพ (NQI) เพื่อรองรับอุตสาหกรรม EV ทั้งการทดสอบ (Testing) และการตรวจสอบ (Inspection) และ 3.การยกระดับโรงงานต้นแบบ เพื่อให้บริการทดลองผลิตในระดับโรงงานอุตสาหกรรม
กลยุทธ์ที่ 3 E : Ecosystem เสริมสร้างผู้ประกอบการและอุตสาหกรรม ด้วยวิจัย วิทยาศาสตร์ เทคโนโลยีและนวัตกรรม ได้แก่ 1.พัฒนาเทคโนโลยีและนวัตกรรมให้เป็น “นิคมวิจัยสำหรับเอกชน” และ 2. จัดตั้งบริษัทร่วมทุนกับธุรกิจนวัตกรรม เพื่อนำผลงานวิจัยและนวัตกรรมไปใช้ประโยชน์ ทั้งเชิงพาณิชย์ สังคมและสาธารณประโยชน์
กลยุทธ์ที่ 4 N : Network สร้างเครือข่ายตอบโจทย์เชิงพื้นที่ ยกระดับคุณภาพชีวิต เพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืน โดยครอบคลุม 1.การขับเคลื่อนเศรษฐกิจฐานราก และ 2.การพัฒนาเชิงพื้นที่ โดยการขับเคลื่อนระเบียงเศรษฐกิจพิเศษ 5 ภาค ผ่านความเชี่ยวชาญของเครือข่ายพันธมิตรและ วว.
“(ร่าง) พ.ร.บ. สถาบันวิจัยวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งประเทศไทย (ฉบับที่) พ.ศ…. มีสาระสำคัญคือ การแก้ไขเพิ่มเติมวัตถุประสงค์และอำนาจหน้าที่ของสถาบันให้สามารถดำเนินธุรกิจ ลงทุนหรือร่วมลงทุน และนำผลงานวิจัยไปใช้ประโยชน์เชิงพาณิชย์ได้ ประโยชน์ที่จะเกิดขึ้นจาก พ.ร.บ. ผ่านการดำเนินงานของ วว. ได้แก่ 1) ลดการพึ่งพาเงินงบประมาณอุดหนุนจากรัฐบาล ในการดำเนินกิจการหรือการลงทุนโครงการวิจัยนวัตกรรมและการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน วทน. 2) ทำให้งานวิจัยที่มีคุณภาพสู่เชิงพาณิชย์มากขึ้น โดยมีภาคเอกชนร่วมรับความเสี่ยงในการลงทุน 3) สามารถสร้างผู้ประกอบการนวัตกรรม จากการที่ผู้ประกอบการร่วมทุนกับ วว. เป็นการพัฒนาสร้างผู้ประกอบการใหม่ขับเคลื่อนเศรษฐกิจประเทศ และ 4) สามารถพัฒนานวัตกรรมร่วมกับภาคเอกชน ในการแก้ปัญหาที่สำคัญของประเทศได้อย่างรวดเร็ว และสามารถสร้างนวัตกรรมออกสู่ตลาดได้สอดคล้องนโยบายรัฐบาล “ตลาดนำ นวัตกรรมเสริม” สนับสนุนอุตสาหกรรมเป้าหมายประเทศ ทั้ง “4 กลยุทธ์ : S-I-E-N” จะเป็นธงการดำเนินงานในกรอบระยะเวลา 4 ปี ซึ่ง วว. พร้อมที่จะขับเคลื่อนเศรษฐกิจและสังคมให้เติบโตอย่างยั่งยืน” ผู้ว่าการ วว. กล่าวทิ้งท้าย