
สำนักงานส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการ (องค์การมหาชน) หรือ ทีเส็บ จัดประชุมระดมความคิดเห็นกับภาคเอกชนเพื่อขับเคลื่อนมาตรการเร่งด่วน “Quick Big Win” กระตุ้นเศรษฐกิจผ่านอุตสาหกรรมไมซ์ โดยมี 7 สมาคมหลักในภาคธุรกิจไมซ์เข้าร่วมอย่างพร้อมเพรียง เพื่อจัดทำมาตรการเร่งด่วนที่ใช้กลไกไมซ์ขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศให้เห็นผลในระยะสั้นและยั่งยืนในระยะยาว ณ ห้องประชุม 1 ชั้น 25 อาคารสยามพิวรรธน์ทาวเวอร์
สำหรับตัวแทนจาก 7 สมาคมภาคเอกชนในอุตสาหกรรมไมซ์เข้าร่วม ได้แก่ สมาคมส่งเสริมการประชุมนานาชาติ (ไทย) หรือ TICA, สมาคมการแสดงสินค้า (ไทย) หรือ TEA, สมาคมโรงแรมไทย (THA), สมาคมการค้าส่งเสริมการจัดมหกรรมและเทศกาลนานาชาติไทย (TIEFA), สมาคมธุรกิจสร้างสรรค์การจัดงาน (EMA), สภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (TCT) และหอการค้าไทยและสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย
ดร.ศุภวรรณ ตีระรัตน์ ผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการ (องค์การมหาชน) กล่าวว่า ทีเส็บทำงานร่วมกับภาคเอกชนอย่างต่อเนื่อง เพื่อระดมแนวคิดและจัดทำมาตรการที่จะสนับสนุนผู้ประกอบการไมซ์ โดยเฉพาะโครงการ Quick Big Win ที่จะนำเสนอต่อรัฐบาลในเร็ว ๆ นี้ เพื่อขอรับการสนับสนุนทั้งในด้านงบประมาณและนโยบาย เช่น มาตรการลดหย่อนภาษี การสนับสนุนสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำ (Soft Loan) และการเร่งอนุมัติจัดงานไมซ์ในช่วงปลายปี เพื่อช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจและสนับสนุน SMEs ในห่วงโซ่อุตสาหกรรมไมซ์ให้ฟื้นตัวเร็วขึ้น
ส่วนภาคเอกชน7สมาคม ได้เสนอข้อคิดเห็นเพิ่มเติมต่อทีเส็บอย่างหลากหลาย ดังนี้
- สมาคมแสดงสินค้า (TEA) กล่าวข้อเสนอว่า ต้องการให้ภาครัฐพิจารณามาตรการลดภาษีสำหรับการจัดแสดงสินค้า รวมถึงการอำนวยความสะดวกในการใช้พื้นที่จัดงาน เพื่อช่วยผู้ประกอบการให้กลับมาเดินหน้าได้อย่างมั่นคง
- สมาคมโรงแรมไทย (THA) กล่าวเสนอให้หน่วยงานราชการเริ่มจัดประชุมสัมมนาตั้งแต่ช่วงนี้โดยไม่ต้องรอปลายปีงบประมาณ เพื่อให้เกิดการหมุนเวียนทางเศรษฐกิจอย่างต่อเนื่อง พร้อมทั้งเสนอให้ปรับปรุงเกณฑ์เบิกจ่ายค่าที่พักและสัมมนาของกระทรวงการคลังที่ใช้มานานกว่า 10 ปีให้เหมาะสมกับสภาพเศรษฐกิจปัจจุบัน
- สมาคมส่งเสริมการประชุมนานาชาติไทย (TICA) ได้กล่าวเน้นเรื่อง การประชาสัมพันธ์และการจัดงานให้กระชับและรวดเร็ว พร้อมเสนอให้รัฐใช้มาตรการลดภาษีแก่ผู้ประกอบการไมซ์
- สมาคมการค้าส่งเสริมการจัดมหกรรมและเทศกาลนานาชาติ (TIFFA) กล่าวข้อเสนอโดยเน้นแนวคิดให้มีการจัดตั้ง One Stop Service เพื่ออำนวยความสะดวกและลดขั้นตอนการขออนุญาตจัดงานเทศกาลในทุกจังหวัด พร้อมเสนอให้ภาครัฐพิจารณามาตรการ ลดหย่อนภาษีแก่ผู้จัดงานและผู้สนับสนุนกิจกรรม เพื่อดึงดูดให้เกิดการลงทุนในงานระดับประเทศมากขึ้น
- สมาคมธุรกิจสร้างสรรค์การจัดงาน (EMA) กล่าวถึง ศักยภาพของงานใหญ่ระดับประเทศ เช่น ไทยเอ็กซ์โป งานพืชสวนโลกเชียงใหม่และอุดรธานี รวมถึง BOI แฟร์ ที่สามารถดึงดูดนักลงทุนและนักเดินทางธุรกิจเข้ามาได้จำนวนมาก ซึ่งจะช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจในภูมิภาค
- สภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (TCT) มองว่าควรส่งเสริมการจัดงานในเมืองรอง เพื่อสร้างประสบการณ์ใหม่ในราคาที่เหมาะสม และสร้างสมดุลระหว่างนักเดินทางขาเข้าและขาออก ตลอดจนมาตรการลดภาษีสำหรับการประชุมสัมมนาภายในประเทศและข้ามจังหวัด เพื่อกระตุ้นการใช้จ่ายในภูมิภาค ซึ่งจะช่วยเพิ่ม GDP ภาคท่องเที่ยวและธุรกิจโรงแรมได้ถึง 3 เท่า
- หอการค้าไทยและสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย เห็นว่าควรเพิ่มกิจกรรมที่กระตุ้นการบริโภคเสนอให้รัฐบาลขยายกลุ่มเป้าหมายของโครงการ “คนละครึ่ง” ให้ครอบคลุมถึงภาคบริการ เช่น ร้านอาหารที่มีห้องประชุม ห้องสัมมนา และบริษัทเอกชน เพื่อกระตุ้นให้เกิดกิจกรรมภายในประเทศมากขึ้น ตลอดจนบริการในพื้นที่จัดสัมมนา รวมถึงให้ธนาคารแห่งประเทศไทยให้เข้ามาสนับสนุนภาคบริการที่เกี่ยวข้องกับไมซ์โดยตรง โดยใช้งบประมาณของภาครัฐในแต่ละจังหวัดเป็นเครื่องมือสำคัญในการสนับสนุนการจัดงานในท้องถิ่น
นอกจากนี้ ทีเส็บยังมีงบประมาณในกลุ่มยุทธศาสตร์ “ฮีโร่พันล้าน” เพื่อสนับสนุนการจัดงานไมซ์ขนาดใหญ่ระดับประเทศ โดยในปีนี้คาดว่าจะมีการจัดงานประมาณ 30–40 งานทั่วประเทศ ซึ่งจะช่วยเพิ่มอัตราการใช้บริการของโรงแรมและภาคบริการต่อเนื่อง
“ข้อเสนอทั้งหมดจะถูกรวบรวมเพื่อนำเสนอต่อรัฐบาลภายในสัปดาห์หน้า เพื่อผลักดันมาตรการ Quick Big Win ให้เกิดขึ้นจริงในระยะสั้น พร้อมเดินหน้าขับเคลื่อนอุตสาหกรรมไมซ์ไทยให้เป็นกลไกหลักของการกระตุ้นเศรษฐกิจ และสร้างความสามารถในการแข่งขันของประเทศในระยะยาว” ดร.ศุภวรรณ กล่าวทิ้งท้าย