สภาส่งเสริมการค้าและการส่งออกไต้หวัน (TAITRA) และ Taiwan Excellence Pavilion ตอกย้ำความเป็นผู้นำระบบ Automation เปิดตัวโซลูชันระบบอัตโนมัติ มุ่งเน้นการยกระดับคุณภาพของอุตสาหกรรมการผลิตแบบอัตโนมัติอัจฉริยะ ควบคู่การพัฒนาอย่างยั่งยืน จาก 5 บริษัทชั้นนำของไต้หวัน ภายใต้แนวคิด “Green Vision, Smart Manufacturing” โดยเปิดตัวอย่างเป็นทางการและจัดแสดงใน Taiwan Excellence Pavilion เพื่อพัฒนานวัตกรรม อุตสาหกรรมการผลิต และอุตสาหกรรมสนับสนุนบนวิถีแห่งความยั่งยืน
โดยได้รับเกียรติจาก Dr. Doong, Sy-Chi, Deputy Representative จากสำนักงานเศรษฐกิจและวัฒนธรรมไทเป ประจำประเทศไทย ร่วมกับ ดร.สมสิทธิ์ มูลสถาน กรรมการบริหาร สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) เป็นประธานในพิธีเปิดงาน ณ บูธ 8F11 ฮอลล์ 98 ศูนย์นิทรรศการและการประชุม ไบเทค บางนา
Dr. Doong, Sy-Chi, Deputy Representative จากสำนักงานเศรษฐกิจและวัฒนธรรมไทเป ประจำประเทศไทย กล่าวว่า ความร่วมมือระหว่างภาคอุตสาหกรรมภายใต้โครงการ Taiwan Excellence Pavilion มีเป้าหมายเพื่อสนับสนุนภาคอุตสาหกรรมของไทยให้ก้าวสู่ความยั่งยืนในอนาคต โดยมีวิสัยทัศน์ “Green Vision, Smart Manufacturing” ซึ่งสะท้อนถึงความเป็นผู้นำของไต้หวันในการพัฒนาโซลูชันที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม การออกแบบที่ใส่ใจต่อระบบนิเวศ (Eco-Friendly Design) และการเลือกใช้วัสดุที่เหมาะสมกับสิ่งแวดล้อม ทั้งยังผสานความทันสมัยที่ช่วยถ่ายทอดเรื่องราวของการเดินทางสู่ความยั่งยืนอย่างมีประสิทธิภาพ
ภายในงานยังได้มีการเปิดตัวนวัตกรรมจาก 5 บริษัทชั้นนำของไต้หวัน ภายใต้แนวคิด “Green Vision, Smart Manufacturing” ประกอบด้วย บริษัท AAEON, SOLOMON TECNOLOGY CORPORATION, TECHMAN ROBOT, MECOM INDUSTRIES CORP และ Swan Air Compressor ซึ่งล้วนเป็นบริษัทชั้นนำตัวแทนความทุ่มเทของไต้หวันที่มุ่งพัฒนานวัตกรรมล้ำสมัยเพื่ออุตสาหกรรมการผลิต และอุตสาหกรรมสนับสนุนบนวิถีแห่งความยั่งยืน
นอกจาก 5 บริษัทชั้นนำของไต้หวันแล้ว ในบูธ Taiwan Excellence Pavilion ยังนำเสนอนวัตกรรมอุตสาหกรรมที่โดดเด่นและน่าสนใจจากอีกหลายบริษัท ได้แก่ Conquer Electronics และ ALASKA-UNIKEN ซึ่งนวัตกรรมจากทั้งสองบริษัทนี้ ไม่เพียงแต่ช่วยยกระดับประสิทธิภาพการผลิต ให้กับภาคอุตสาหกรรมของไทย แต่ยังสอดคล้องกับแนวทางการพัฒนาอย่างยั่งยืน (Sustainability) ที่ทั่วโลกให้ความสำคัญในปัจจุบัน ถือเป็นอีกหนึ่งบทพิสูจน์ถึงความมุ่งมั่นของ Taiwan Excellence Pavilion ในการนำเสนอเทคโนโลยีที่ล้ำสมัย เพื่อร่วมผลักดันภาคอุตสาหกรรมไทยสู่อนาคตที่ปลอดภัย ประหยัดพลังงาน และเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมอย่างแท้จริง
Conquer สร้างระบบไฟฟ้าปลอดภัย ด้วยนวัตกรรมฟิวส์อัจฉริยะ ตอบโจทย์ EV- ดาต้าเซนเตอร์ และพลังงานสะอาด
บริษัท Conquer Electronics จำกัด ถือเป็นบริษัทผู้ผลิตฟิวส์รายแรกในไต้หวันที่ก่อตั้งขึ้นตั้งแต่ปี 1977 มีประสบการณ์ในอุตสาหกรรมมากว่า 46 ปี ปัจจุบันมีโรงงานผลิต 2 แห่งในไต้หวัน และดำเนินการออกแบบและผลิตสินค้าทั้งหมดภายในประเทศ โดยเชี่ยวชาญด้าน Circuit Protection หรือการป้องกันวงจรไฟฟ้าด้วยฟิวส์ ครอบคลุมช่วงแรงดันตั้งแต่ 32 โวลต์ จนถึง 1,000 โวลต์
สินค้าของ Conquer มีความหลากหลาย ครอบคลุมตั้งแต่ฟิวส์แบบ Surface Mount, LTC Chip, SMD ไปจนถึงฟิวส์พลังงานสูงสำหรับแบตเตอรี่ ซึ่งออกแบบมาเพื่อรองรับอุปกรณ์ที่มีความไวต่อกระแสไฟ เช่น ระบบโซลาร์เซลล์ (PV systems) และเครื่องชาร์จรถยนต์ไฟฟ้า (EV chargers) โดยตัวฟิวส์ผลิตจากท่อเซรามิกความแข็งแรงสูง และบรรจุด้วยทรายซิลิกาความบริสุทธิ์ เพื่อเพิ่มความทนทาน ลดโอกาสเกิดอาร์คไฟฟ้า และยืดอายุการใช้งาน ฟิวส์ของ Conquer ผ่านการรับรองความปลอดภัยมากกว่า 12 ประเทศทั่วโลก ซึ่งตอกย้ำถึงคุณภาพและมาตรฐานระดับสากล
ในปีที่ผ่านมา บริษัทฯ ได้รับรางวัล Taiwan Excellence และ National Quality Award ซึ่งเป็นเครื่องหมายการันตีคุณภาพระดับประเทศ รวมถึงมีความร่วมมือกับพันธมิตรชั้นนำจากทั้งอเมริกา ยุโรป และไต้หวัน
นอกจากนี้ Conquer ยังเป็นหนึ่งใน 3 บริษัทระดับโลกที่มีพอร์ตฟอลิโอผลิตภัณฑ์ฟิวส์ครบทุกประเภท รองรับการใช้งานหลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นในภาคอุตสาหกรรมทั่วไป ยานยนต์ เทคโนโลยีสารสนเทศ ดาต้าเซนเตอร์ และระบบเทคโนโลยีสมัยใหม่ต่าง ๆ ด้วยรายได้กว่า 30 ล้านดอลลาร์ในปีที่ผ่านมา ในฐานะผู้นำตลาดในไต้หวันอย่างมั่นคง บริษัทฯ จึงพร้อมขยายศักยภาพสู่ตลาดต่างประเทศ โดยเฉพาะประเทศไทย ซึ่งมองว่าเป็นตลาดที่มีศักยภาพสูง และเป็นพันธมิตรทางธุรกิจที่สำคัญ เนื่องจากมีความร่วมมือกับพันธมิตรไทยมายาวนานกว่า 15 ปีในฐานะ Tier-1 Partner ทั้งนี้ตลอด 5 ปีที่ผ่านมา ธุรกิจของ Conquer ในประเทศไทยเติบโตอย่างต่อเนื่องในระดับ Double Digit ทุกปี สะท้อนถึงความต้องการของตลาดที่เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ
จากการเติบโตของธุรกิจในกลุ่ม ดาต้าเซนเตอร์และเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ (AI) ซึ่งเป็นอุตสาหกรรมที่ต้องใช้ฟิวส์ในทุกโมดูลของระบบ ทำให้ Conquer มองเห็นโอกาสในการขยายตัวอย่างชัดเจน โดยเฉพาะเมื่อดาต้าเซนเตอร์ในไทยมีแนวโน้มขยายตัวสูงในอนาคต เราจึงมุ่งเน้นการพัฒนาฟิวส์ประเภท One-Time Current Fuse ซึ่งถือเป็นหัวใจสำคัญของระบบป้องกันไฟฟ้า และในขณะเดียวกันก็เป็นทั้งจุดแข็งและความท้าทาย เนื่องจากต้องอาศัยความเชี่ยวชาญเชิงลึกในการออกแบบและผลิตให้ตอบโจทย์ตั้งแต่ชิ้นส่วนขนาดเล็ก ไปจนถึงระบบขนาดใหญ่ โดยเชื่อมั่นว่า Conquer พร้อมที่จะเติบโตเคียงข้างอุตสาหกรรมไทย และตอบสนองต่อความต้องการด้านความปลอดภัยทางไฟฟ้าในยุคที่โลกขับเคลื่อนด้วยเทคโนโลยีได้อย่างมีประสิทธิภาพ
MCM เปิดตัวน้ำมันตัดกลึง Plant-Based ลด PM2.5 และคาร์บอนกว่า 40% หนุนอุตสาหกรรมสีเขียวโลก
ดร. โฮ เชียว กวัต ผู้จัดการทั่วไปกลุ่มบริษัท MECOM INDUSTRIES CORP ตัวแทนจำหน่ายในประเทศมาเลเซีย กล่าวว่า MCM ก่อตั้งขึ้นในปี 2003 มีฐานการผลิตทั้งในจีนและไต้หวัน และได้รับการยอมรับในระดับสากลในฐานะผู้นำด้านเทคโนโลยีลดคาร์บอน ผ่านรางวัลด้าน Greenhouse Gas Reduction และความเชี่ยวชาญในงานวิจัยเพื่อบรรลุเป้าหมาย Net Zero ซึ่งถือเป็นแกนกลางในการพัฒนาและขับเคลื่อนธุรกิจภายใต้กรอบ ESG
สำหรับน้ำมันตัดกลึงโลหะรุ่น SUPERSYN และ SUPERSOL ใช้ในเครื่อง CNC Milling ซึ่ง MCM พัฒนาขึ้น ถือเป็นนวัตกรรม Bio-based Cutting Oil ที่ผ่านมาตรฐาน ESG และออกแบบมาเพื่อยกระดับอุตสาหกรรมโลหะให้ก้าวสู่ความยั่งยืนและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมอย่างแท้จริง
ปัจจุบัน กว่า 40% ของงาน CNC ในไต้หวันได้เปลี่ยนมาใช้น้ำมันตัดกลึงของ MCM แล้ว โดยบริษัทฯ ได้ดำเนินงานตามแนวทาง ESG ทั่วประเทศเปลี่ยนมาใช้ผลิตภัณฑ์ของ MCM ให้ครบภายในปีนี้ นับเป็นก้าวสำคัญในการเปลี่ยนผ่านสู่การใช้น้ำมัน Plant-Based อย่างเต็มรูปแบบ โดย MCM เป็นบริษัทแรกในเอเชียและโอเชียเนียที่พัฒนาผลิตภัณฑ์กลุ่มนี้ในเชิงพาณิชย์อย่างแท้จริง
จุดเด่นของน้ำมันตัดกลึง MCM คือ การใช้วัตถุดิบจากพืชธรรมชาติร่วมกับ จุลชีววิทยาเฉพาะทาง (Microbiological Technology) โดยไม่มีส่วนผสมของวัสดุสังเคราะห์ ช่วยยืดอายุการใช้งานของเครื่องจักรได้ 5–10 ปี ลดกลิ่นเหม็น ลดการสะสมของฝุ่นละออง PM2.5 และลดการใช้สารเคมีอันตราย ส่งผลให้สภาพแวดล้อมในการทำงานสะอาดและปลอดภัยมากขึ้น โดยจากข้อมูลผู้ใช้งานจริง น้ำมันของ MCM สามารถลดการปล่อย คาร์บอนมอนอกไซด์ได้ถึง 47%, PM2.5 ลดลง 48%, ซัลเฟอร์ออกไซด์ลดลง 100%, และ PAHs (Polycyclic Aromatic Hydrocarbons) ลดลงกว่า 80% อีกทั้งยังช่วยลดอุณหภูมิการทำงานเฉลี่ย 15°C ลดการเกิดควัน เพิ่มความสะอาดของเครื่องจักรได้ถึง 100% และยืดอายุการใช้งานของอุปกรณ์ได้มากกว่า 70%
น้ำมัน Plant-Based ของ MCM ยังออกแบบให้ ทำหน้าที่หล่อลื่น เย็นตัว ป้องกันสนิม และลดกลิ่นไม่พึงประสงค์ในตัวเดียว ไม่ต้องเปลี่ยนถ่ายบ่อยเหมือนน้ำมันหล่อเย็นทั่วไป เพียงเติมเพิ่มเล็กน้อย (ประมาณ 2%) ก็สามารถใช้งานต่อเนื่องได้ยาวนานถึง 5–10 ปี โดยลดความเสี่ยงจากการสะสมแบคทีเรีย และลดภาระการดูแลบำรุงรักษาได้อย่างมีประสิทธิภาพ นอกจากนี้ MCM ยังพัฒนาระบบกรองอากาศคล้ายแผ่นกรอง PM2.5 ติดตั้งรอบเครื่องจักร เพื่อดักจับสารเคมีที่ระเหยในกระบวนการผลิต ลดมลภาวะในโรงงาน และช่วยป้องกันการเกิดฝนกรดจากไอระเหยที่ปล่อยสู่ชั้นบรรยากาศ
MCM มีแผนขยายตลาดเข้าสู่ประเทศไทย โดยมองหาพันธมิตรที่มีวิสัยทัศน์เดียวกัน พร้อมถ่ายทอดองค์ความรู้เพื่อให้ผู้ใช้งานเข้าใจเทคโนโลยีนี้อย่างถูกต้อง และสามารถนำไปใช้งานได้จริง ปัจจุบันผลิตภัณฑ์นี้ได้เปิดตัวในมาเลเซียเรียบร้อยแล้ว และได้รับรางวัล Innovative R&D Award ซึ่งสะท้อนถึงความทุ่มเทของบริษัทฯ ในการพัฒนาเทคโนโลยีที่ตอบโจทย์ทั้งด้านประสิทธิภาพและความยั่งยืนในระยะยาว
ALASKA พัฒนาพัดลมส่งลมไกล 30 เมตร ลดเสียง-ลดพลังงาน ใช้ไฟต่ำเพียง 300 วัตต์
บริษัท ALASKA-UNIKEN เป็นบริษัทผลิตพัดลมอุตสาหกรรมสมรรถนะสูงที่ได้รับความนิยมอย่างต่อเนื่องในโรงงานและคลังสินค้า ด้วยคุณสมบัติการกระจายลมได้ไกลและทั่วถึง ช่วยลดจำนวนพัดลมที่ต้องใช้งานภายในพื้นที่ขนาดใหญ่ โดยเฉพาะรุ่น Industrial High Velocity Fan ITA-20G1 ที่มาพร้อมกับหน้ากากพัดลมทรงหมุน ส่งลมได้ไกลสูงสุดถึง 70 เมตร ด้วยความเร็วลม 0.3 เมตรต่อวินาที มีจุดเด่นที่วงแหวนระบายอากาศ 3 วง ช่วยขยายพื้นที่ดูดอากาศ ลดเสียงรบกวน และเพิ่มประสิทธิภาพในการระบายอากาศ ใบพัดแบบลึกพิเศษช่วยปรับการกระจายลมให้เหมาะสมในแต่ละพื้นที่ โดยยังคงระดับเสียงให้เบา
นอกจากนี้ยังมีรุ่น ITA-14G1 ที่สามารถส่งลมได้ไกลถึง 50 เมตร เหมาะสำหรับโรงงานที่ต้องการระบายอากาศอย่างมีประสิทธิภาพแต่ใช้พลังงานน้อย เพราะใช้ไฟเพียง 300 วัตต์ เท่านั้น
พัดลมอุตสาหกรรมสมรรถนะสูงใช้มอเตอร์มาตรฐาน IP55 และแบริ่ง SKF จากอิตาลี ที่ทนทานต่อน้ำและฝุ่น มาพร้อมโครงสร้างตัวยึดที่ผลิตจาก สแตนเลส SUS304 ไม่เป็นสนิม ทนทานต่อสารเคมีและการกัดกร่อน โดยใช้วัสดุ PP+GF (โพลีโพรพิลีนผสมใยแก้ว) ในชิ้นส่วนสำคัญ เช่น ตะแกรงใบพัดและตัวดูดอากาศ เพื่อรองรับการใช้งานในสภาพแวดล้อมที่สมบุกสมบัน พัดลมรุ่นนี้จึงเหมาะสำหรับโรงงานที่มีความร้อนสูง เช่น อุตสาหกรรมอาหาร เครื่องดื่ม บรรจุภัณฑ์ และคลังสินค้า
ในประเทศไต้หวัน พัดลม ALASKA ยังถูกนำไปใช้งานในฟาร์มอย่างแพร่หลาย ด้วยความสามารถในการทำงานได้ดีในทุกอุตสาหกรรม พัดลม ALASKA สามารถเข้าไปทดแทนพัดลมเดิมได้ทุกที่ที่ต้องการการระบายอากาศที่มีประสิทธิภาพ
สำหรับประเทศไทย นับตั้งแต่เปิดตัวพัดลม ALASKA ในช่วงปีครึ่งที่ผ่านมา ยอดขายของ ALASKA เติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่อง ซึ่งเป็นผลจากการพัฒนาสินค้าที่ตอบโจทย์ความต้องการของโรงงานยุคใหม่ ทั้งในด้านของประสิทธิภาพ ความทนทาน และความคุ้มค่าในการใช้งานระยะยาว โดยกลุ่มผู้ใช้งานหลักในประเทศไทยส่วนใหญ่เป็น SME ขนาดกลางถึงใหญ่ ที่ต้องการอัปเกรดระบบระบายอากาศภายในโรงงานให้ทันสมัย ประหยัดพลังงาน และมีประสิทธิภาพมากขึ้น
นวัตกรรมจากบริษัทชั้นนำดังกล่าว สะท้อนถึงความมุ่งมั่นของไต้หวันในการผลักดันอุตสาหกรรมการผลิตให้ก้าวสู่ระบบอัตโนมัติอัจฉริยะ ควบคู่ไปกับแนวทางการพัฒนาอย่างยั่งยืน และการใช้เทคโนโลยีที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม เพื่อตอบโจทย์อุตสาหกรรมยุคใหม่ที่ให้ความสำคัญทั้งด้านประสิทธิภาพ ความปลอดภัย และการลดผลกระทบต่อโลกในระยะยาว
Taiwan Excellence ขอเชิญชวนทุกท่านติดตามความก้าวหน้าทางนวัตกรรมแชร์ความเป็นเลิศทางอุตสาหกรรมของไต้หวันและประเทศไทยต่อไป ได้ที่เฟซบุ๊กเพจ Taiwan Excellence.TH และเว็บไซต์ https://www.taiwanexcellence.org/en