SiteMinder ผู้นำแพลตฟอร์มตัวกลางระดับโลกในการเข้าถึงลูกค้าให้กับธุรกิจโรงแรม เผย 12 อันดับแพลตฟอร์มจองโรงแรมที่ทำรายได้จากการจองห้องพักให้กับโรงแรมสูงสุดในปีพ.ศ. 2563 และ 12 แพลตฟอร์มหลังจากโรงแรมเผชิญกับการปรับตัวการจองที่พักจากวิกฤต (hotel booking reset) จากสถานการร์ COVID-19 โดยเริ่มในเดือนเมษายน พ.ศ.2563 ที่ผ่านมา
มร. แบรด ไฮนส์ รองประธานกรรมการบริษัท SiteMinder ประจำภาคพื้นเอเชียแปซิฟิค กล่าวว่า หลังจากได้เผชิญกับการปรับตัวด้านการจองที่พักในประเทศไทยเมื่อปีพ.ศ. 2563 ที่ผ่านมา ส่งผลให้มีจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติเดินทางเข้ามาท่องเที่ยวในประเทศไทยลดลง ซึ่งส่งผลให้แพลตฟอร์มระดับภูมิภาคอย่าง Traveloka ผันตัวขึ้นมาเป็นแพลตฟอร์มสำคัญในตลาด นอกจากนี้ยังได้เห็นรายชื่อแพลตฟอร์มการจองที่พักใหม่ ปรากฎอยู่ใน 12 อันดับช่องทางจองที่พักที่สร้างรายได้สูงสุด เช่น แพลตฟอร์ม Mr & Mrs Smith ซึ่งเป็นที่นิยมในกลุ่มนักท่องเที่ยวที่มองหาโรงแรมแนวบูทีคและลักซูรี่ ซึ่งแสดงให้เห็นถึงผลสำเร็จจากความพยายามของประเทศไทยในการดึงดูดนักท่องเที่ยวที่มีกำลังซื้อสูงและสามารถพักระยะยาวนานกว่า 1 เดือนขึ้นไปได้ และเนื่องจากพฤติกรรมของผู้บริโภคเปลี่ยนไป ผู้ประกอบการจำเป็นต้องประเมินแนวทางและช่องทางในการขายห้องพัก รวมถึงใช้ประโยชน์จากช่องทางการจัดจำหน่ายทั้งระดับนานาชาติและท้องถิ่น ช่องทางจองห้องพักทางตรงและทางอ้อม เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการสำรองที่พักและการสร้างรายได้
สำหรับ 12 แพลตฟอร์มจองโรงแรมในประเทศไทยประจำปีพ.ศ.2563 เมื่อประเมินจากรายได้รวมที่สร้างให้กับลูกค้าธุรกิจโรงแรมจากการรวบรวมข้อมูลโดย SiteMinder ได้แก่ 1.Booking.com 2.Agoda 3.เว็บไซต์โรงแรม (การจองตรง) 4.Expedia Group 5.Hotelbeds 6.Trip.com 7.Traveloka 8.Goibibo & MakeMyTrip 9.Fusion Holidays 10.ช่องทางการจำหน่ายที่พักออนไลน์ 11.WebBeds – Destinations of the World และ12.Mr & Mrs Smith
นอกจากนี้ทาง SiteMinder ได้มีการจัดอันดับ 12 แพลตฟอร์มการจองโรงแรมในประเทศไทยสูงสุดหลังจากเกิดการปรับตัวการจองที่พัก ระหว่างเดือนเมษายน – ธันวาคม พ.ศ.2563 ได้แก่ 1.Agoda 2.Booking.com 3.เว็บไซต์โรงแรม (การจองตรง) 4.Expedia Group 5.Hotelbeds 6.Traveloka 7.Trip.com 8.ช่องทางการจำหน่ายทีพักออนไลน์ 9.Mr & Mrs Smith 10.WebBeds – Destinations of the World 11.WebBeds – Sunhotels และ12.Beds4Travel ซึ่งการจัดอันดับประจำปี พ.ศ. 2563 นี้แสดงให้เห็นถึงการเติบโตที่ยั่งยืนของช่องทางการจองตรงผ่านเว็บไซต์โรงแรมที่ยังสามารถคงระดับอยู่ใน 5 อันดับแรกของช่องทางการจองจากทั่วโลกไว้ได้ตลอดทั้งปีพ.ศ. 2563 รวมถึงยังอยู่ในอันดับ 3 ของช่องทางการจองที่สร้างรายได้สูงสุดให้กับโรงแรมในประเทศไทยอีกด้วย โดยช่องทางการจองตรงผ่านเว็บไซต์โรงแรมไต่อันดับสูงขึ้นในกว่าหนึ่งในสามของประเทศต่างๆนับตั้งแต่เดือนเมษายน พ.ศ.2563 ที่ผ่านมา แม้ในช่วงเวลาดังกล่าวอัตราการจองโรงแรมจะลดลงต่ำกว่า 10% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันในปีพ.ศ. 2562 ซึ่งเป็นผลจากการแพร่ระบาดของโรค COVID-19
มร. เจมส์ บิชอป ผู้อำนวยการอาวุโสด้านบริหารจัดการความต้องการหุ้นส่วนทั่วโลก กล่าวว่าการหยุดชะงักของการท่องเที่ยวในปีพ.ศ. 2563 ยกระดับการแข่งขันของแพลตฟอร์มจองที่พักให้แสดงเอกลักษณ์เฉพาะตัวที่มอบให้กับผู้บริโภคและให้กับลูกค้าโรงแรมมากขึ้น นอกจากนี้มาตรการจำกัดการเดินทางระหว่างประเทศและการเพิ่มจำนวนผู้ติดเชื้อ COVID-19 ทั่วโลก ทำให้ผู้บริโภคจำนวนมากหันมาใช้บริการที่พักในประเทศมากขึ้น ซึ่งผู้บริโภคมักเลือกจองผ่านเว็บไซต์ของโรงแรมโดยตรงหรือผ่านตัวแทนแพลตฟอร์มจองที่พักในประเทศไทย แม้จะมีอัตราการจองลดลงอย่างมากในช่วงแรกที่การเดินทางถูกระงับ แต่ภายหลังกลับมาเพิ่มขึ้นจากความต้องการท่องเที่ยวที่ยังคงมีอยู่ ผู้บริโภคหลายรายสนใจท่องเที่ยวแบบพักผ่อนและเลือกพักในเครือ Airbnb เพราะมองว่ามีความปลอดภัย สำหรับการจัดอันดับ 12 อันดับที่พักที่สร้างรายได้สูงสุดของ SiteMinder แสดงให้เห็นถึงพฤติกรรมและความชื่นชอบของนักท่องเที่ยวที่มีการเปลี่ยนแปลงไปในช่วงที่ผ่านมาอย่างแท้จริง