
สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) ภายใต้ กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) ร่วมกับ สำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) จัดกิจกรรม Demo Day ในโครงการ “ยกระดับศักยภาพอุตสาหกรรมผลิตภัณฑ์หุ่นยนต์บริการและผลิตภัณฑ์ IoT ของไทยสู่อาเซียน” ณ ห้องแกรนด์บอลรูม โรงแรมแมนดาริน โดยมี ศาสตราจารย์ ดร.ชูกิจ ลิมปิจำนงค์ ผู้อำนวยการสำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) เป็นประธานเปิดงาน ร่วมด้วย ดร.ไกรสร อัญชลีวรพันธุ์ ผู้อำนวยการศูนย์ทดสอบผลิตภัณฑ์ไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ (PTEC) และ ไตรรัตน์ วิริยะศิริกุล รองเลขาธิการ กสทช. รักษาการเลขาธิการ กสทช.

พร้อมกันนี้ได้มีพิธีมอบโล่รางวัลแก่ผู้ประกอบการในโครงการพัฒนานวัตกรรม (JumpStart) และโครงการรับรองคุณภาพ P-mark ตราสัญลักษณ์ที่มอบให้กับผลิตภัณฑ์ที่ผ่านการทดสอบและได้รับการรับรองว่าได้มาตรฐานคุณภาพและความปลอดภัยจากศูนย์ PTEC สวทช.

ศาสตราจารย์ ดร.ชูกิจ ลิมปิจำนงค์ ผู้อำนวยการสำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) กล่าวว่า โครงการยกระดับศักยภาพอุตสาหกรรมผลิตภัณฑ์หุ่นยนต์บริการและผลิตภัณฑ์ IoT ของไทยสู่อาเซียน ได้รับการสนับสนุนจากกองทุนวิจัยและพัฒนากิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคม เพื่อประโยชน์สาธารณะ (กทปส.) ผ่านการดำเนินงานของ สวทช. ในการบ่มเพาะนักพัฒนาและผู้ประกอบการ โดยนวัตกรรมผลิตภัณฑ์หุ่นยนต์บริการและ IoT จากผู้ประกอบการในงานวันนี้ ได้ถูกพัฒนาขึ้นบนองค์ความรู้เชิงลึกและผ่านการทดสอบในห้องปฏิบัติการอย่างเข้มข้นด้วยคุณภาพมาตรฐาน จนได้รับ P-mark หรือเครื่องหมายรับรองสมรรถนะ ซึ่งไม่ใช่เพียงแค่การรับรองคุณภาพภายในประเทศ แต่คือการมอบหนังสือเดินทางที่ทรงพลังให้กับนวัตกรรมไทย
“การได้รับ P-mark เป็นการตอกย้ำว่าผลิตภัณฑ์หุ่นยนต์และ IoT ของเรา มีคุณภาพ ประสิทธิภาพ มีความน่าเชื่อถือเทียบเท่ามาตรฐานระดับภูมิภาคและระดับโลก ทำให้เราสามารถก้าวออกไปแข่งขันกับชาติอื่น ๆ ในตลาดอาเซียนได้อย่างสมศักดิ์ศรี การเกิดบริษัท Deep Tech ที่แข็งแกร่ง และมีมาตรฐาน P-mark จะเป็นแรงดึงดูดการลงทุน การสร้างงานที่มีมูลค่าสูง และยกระดับโครงสร้างเศรษฐกิจจากฐานการผลิตแบบเดิม ซึ่งจะช่วยแก้ปัญหาในภาคส่วนสำคัญทั้งสาธารณสุข การเกษตร และโลจิสติกส์ เพื่อคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นของคนไทย พร้อมนำพาประเทศไปสู่การเป็นศูนย์กลางเทคโนโลยีและนวัตกรรมแห่งอาเซียนอย่างแท้จริง อีกเรื่องที่สำคัญ คือ การรับรองมาตรฐาน AI ทางการแพทย์ ซึ่ง PTEC วางแผนงานในเรื่องนี้ในโอกาสต่อไป” ศาสตราจารย์ ดร.ชูกิจ กล่าว

ดร.ไกรสร อัญชลีวรพันธุ์ ผู้อำนวยการศูนย์ทดสอบผลิตภัณฑ์ไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ (PTEC) กล่าวว่าโครงการนี้มีผู้ประกอบการพัฒนานวัตกรรมหุ่นยนต์บริการและ IoT จำนวน 10 ราย และผู้ประกอบการเข้ารับการทดสอบคุณภาพมาตรฐานและได้รับ P-mark จำนวน 11 ราย มีเครือข่ายที่ปรึกษาและผู้เชี่ยวชาญ 134 ราย ตลอดระยะเวลาการดำเนินโครงการ มีการทำงานร่วมกับบริษัท ผู้ประกอบการ ผู้พัฒนาต้นแบบอย่างใกล้ชิด ผลักดันให้เกิดผลิตภัณฑ์หุ่นยนต์บริการและ IoT ที่ไม่ได้เพียงแค่ทำงานได้ แต่ต้องได้มาตรฐาน เสริมความแข็งแกร่งด้วย P-Mark หรือตราประทับแห่งคุณภาพ ซึ่งจะเป็นหลักประกันคุณภาพและความน่าเชื่อถือ ที่จะทำให้ผลิตภัณฑ์ไทยก้าวสู่ตลาดอาเซียนได้อย่างมั่นใจ พร้อมสำหรับการใช้งาน ลดการพึ่งพาเทคโนโลยีจากต่างประเทศ และเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันในตลาดโลก
“โครงการนี้ก่อให้เกิดแพลตฟอร์มการส่งเสริมและสนับสนุนผู้ประกอบการให้สามารถพัฒนานวัตกรรม และเข้ารับการทดสอบรับรองผลิตภัณฑ์หุ่นยนต์บริการและ IoT ตามโครงสร้างการรับรองผลิตภัณฑ์ตามมาตรฐานสากลเป็นแห่งแรกในภูมิภาคอาเซียน” ดร.ไกรสร กล่าว
สำหรับการก้าวสู่มาตรฐาน CE Mark มีหลักสำคัญ2 ประการ ประการแรก ผลิตภัณฑ์ต้องปลอดภัย เช่น หุ่นยนต์ทำความสะอาดบ้าน หุ่นยนต์ล้างสระน้ำ จะต้องได้มาตรฐานได้ในการชาร์จไฟ และ การรบกวนของคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า เนื่องจากผลิตภัณฑ์ IoT อาจจะมี Sensor ไปรบกวนอุปกรณ์ไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ประเภทอื่นได้
ปัจจุบันหุ่นยนต์บริการที่มีการใช้งานอย่างแพร่หลายในไทย 3อันดับแรก ได้แก่ รถ AGV ขนส่งอัตโนมัติไร้คนขับ หุ่นยนต์เสิร์ฟอาหาร และหุ่นยนต์เช็ดกระจก

ไตรรัตน์ วิริยะศิริกุล รองเลขาธิการ กสทช. รักษาการเลขาธิการ กสทช. กล่าวแสดงความยินดีกับผู้ประกอบการในโครงการที่ได้รับทุนพัฒนานวัตกรรม ทุนสนับสนุนการทดสอบผลิตภัณฑ์ และได้รับ P-mark ในวันนี้ โดยหัวใจสำคัญที่ กสทช. ให้การสนับสนุนโครงการนี้คือความเข้มแข็งของ สวทช. ที่เป็น Deep Tech Ecosystem ของประเทศ ในการยกระดับศักยภาพผู้ประกอบการด้วยธุรกิจเทคโนโลยี และระบบคุณภาพมาตรฐาน ซึ่งเชื่อมั่นว่าผลจากโครงการนี้จะทำให้อุตสาหกรรมไทยก้าวสู่เวทีระดับภูมิภาค และส่งผลกระทบใน 3 มิติหลัก คือ 1.มิติทางอุตสาหกรรมและเศรษฐกิจ ในการพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่ตอบโจทย์ความต้องการของอุตสาหกรรมอย่างแท้จริง ซึ่งจะช่วยลดการพึ่งพาการนำเข้าเทคโนโลยี จากต่างประเทศ และทำให้ผู้ประกอบการไทย สามารถแข่งขันในตลาดอาเซียนได้อย่างภาคภูมิ 2.มิติทางสังคม ผลลัพธ์จากโครงการนี้จะนำไปสู่การบริการสาธารณะที่ดีขึ้น การจัดการทรัพยากรที่ฉลาดขึ้น และการสร้างงานที่มีมูลค่าสูง ซึ่งตรงกับวัตถุประสงค์ของกองทุนฯ ในการใช้เทคโนโลยีเพื่อประโยชน์สาธารณะ และ 3.มิติทางวิชาการและนวัตกรรม ในการสร้างองค์ความรู้ใหม่และทรัพย์สินทางปัญญา ที่สามารถถ่ายทอดและต่อยอดได้ในวงกว้าง สร้างมาตรฐานใหม่ให้กับงานวิจัยเชิงประยุกต์ของประเทศได้

สำหรับผู้ประกอบการที่ได้รับรางวัลในโครงการพัฒนานวัตกรรม (JumpStart) จำนวน 10 ราย ประกอบด้วย บจก.โอโบดรอยด์ คอร์ปอเรชั่น จากผลงาน OBOVISION , บจก.กรุ๊ป เมกเกอร์ จากผลงาน GMR BUTLER & GMR COZY , ทีมแอบช่วยแพทย์ จากผลงาน Medical Service Robot Nani , บจก.เอ็กโก เอ็นจิเนียริ่ง แอนด์ เซอร์วิส จากผลงาน Inspection Robot for Power plant and Industrial , บจก.ฟาร์มคอนเน็ค เอเชีย จากผลงาน Proactive Water Management (ProWAM) , บจก.เทคอินเทลลิเจนซ์ จากผลงาน SMART FARM IOT TOMATO , บจก.ฟูลสแทค โรโบติกส์ จากผลงาน ROBONAVS-AMR , บจก.ไทยแฮนด์ เอ.ไอ. จากผลงานระบบไอโอทีสำหรับตรวจติดตาม แจ้งเตือนและหาสาเหตุความเสียหายสำหรับเครื่องจักรหมุนด้วยปัญญาประดิษฐ์บนคลาวด์ , บจก.ชิมิสึ แมนนิวแฟคเจอร์ริ่ง จากผลงาน Professional Management Resource Planning , คณะวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีอุตสาหกรรม มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ วิทยาเขตสุราษฎร์ธานี จากผลงาน PC Classi อุปกรณ์ตรวจวัดระดับความสุกของผลปาล์มแบบพกพา
ด้านผู้ประกอบการที่ได้รับรางวัลในโครงการทุนสนับสนุนการทดสอบคุณภาพผลิตภัณฑ์ P-mark จำนวน 11 ราย ประกอบด้วย บจก.กรุ๊ป เมกเกอร์ จากผลงาน GMR BUTLER & GMR COZY , ทีมแอบช่วยแพทย์ จากผลงาน Medical Service Robot Nani , บจก.ฟาร์มคอนเน็ค เอเชีย จากผลงาน Proactive Water Management (ProWAM) , บจก.เทคอินเทลลิเจนซ์ จากผลงาน SMART FARM IOT TOMATO , บจก.ฟูลสแทค โรโบติกส์ จากผลงาน ROBONAVS-AMR , บจก.เจ็นเซิฟ จากผลงาน Mobile Robots Expert, บจก.เลิศวิลัยแอนด์ซันส์ จากผลงาน FACoBOT , บจก.กรีนไอโอ จากผลงาน AI-on-Devices , บจก.ทริปเปิ้ล เอ เอ็นจิเนียริ่ง แอนด์ ซัพพลาย จากผลงาน VESPA CONTROLLER , บจก.โทเทิล ดิจิตอล อินโนเวชั่น จากผลงาน คีออส ตรวจวัดแอลกอฮอล์และสุขภาพ และ บจก.แอลอีดี ออนโฮม เทรดดิ้ง จากผลงาน โคมไฟถนนแอลอีดีพลังงานแสงอาทิตย์บริหารจัดการพลังงานแบบกลุ่มจากศูนย์กลาง

สำหรับบรรยากาศภายในงานตลอดทั้งวันมีผู้สนใจเข้าร่วมงานจำนวนมาก โดยมีกิจกรรมPitching นำเสนอผลงานนวัตกรรมหุ่นยนต์และ IoT จากผู้ประกอบการที่เข้าร่วมโครงการ พร้อมรับฟังเสวนาหัวข้อ “จากเริ่มต้น ถึงได้รับ“: การเตรียมตัวและประโยชน์ที่ได้จากการรับรองคุณภาพมาตรฐานผลิตภัณฑ์หุ่นยนต์บริการและ IoTs และโอกาสของอุตสาหกรรมไทย” โดยผู้ประกอบการจากบริษัทชั้นนำ นักวิจัย และผู้เชี่ยวชาญจาก สวทช. รวมทั้งยังมีนิทรรศการ Service Robots & IoTs Showcase จัดแสดงต้นแบบเทคโนโลยีแห่งอนาคตจากผู้ประกอบการ เช่น หุ่นยนต์บริการและเทคโนโลยีระบบอัจฉริยะต่าง ๆ ซึ่งได้รับความสนใจจากผู้เข้าร่วมงานเป็นอย่างมาก

สมบูรณ์ พิทยารังสฤษฏ์ ประธานกลุ่มอุตสาหกรรมเครื่องจักรและระบบอัตโนมัติ สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) กล่าวว่า ส.อ.ท.มีกลุ่มอุตสาหกรรมทั้งหมด 48 กลุ่มอุตสาหกรรม รวมถึงอุตสาหกรรม New s-curve เช่น อุตสาหกรรมหุ่นยนต์ อุตสาหกรรมป้องกันประเทศ และอุตสาหกรรมเครื่องมือแพทย์ ปัจจุบันกำลังผลักดันเรื่องเครื่องมือแพทย์ มีการระดมสมองร่วมกันโดยส.อ.ท.มองไปไกลถึงขั้นให้หุ่นยนต์ 1 ตัวสามารถผ่าตัดทั่วประเทศ รวมทั้งอุตสาหกรรมโดรน ใช้สื่อสารและนำวิถี ซึ่งจะช่วยประเทศได้ โดยไทยมีนวัตกรคิดได้ ทำต้นแบบได้ในระดับอุตสาหกรรม

รชฎ พึ่งสุข หัวหน้าโครงการ บริษัท ฟูลสแทค โรโบติกส์ จำกัด จากผลงาน ROBONAVS-AMR ซึ่งรับทุนพัฒนานวัตกรรม Jumpstart และทุนทดสอบผลิตภัณฑ์และได้รับ P-Mark กล่าวว่า ประเทศไทยได้รับรางวัลต่างๆ ด้านหุ่นยนต์มากมาย เช่น RoboCup แต่ไทยกลับไม่มีผลิตภัณฑ์หุ่นยนต์เป็นของตนเอง จึงมีแนวคิดพัฒนาหุ่นยนต์ โดยหุ่นยนต์ที่พัฒนาช่วยในการเคลื่อนที่ได้อัตโนมัติ หลังจากนี้จะพัฒนาหุ่นยนต์ให้ปลอดภัยมากยิ่งขึ้น เป็น Device ที่ช่วยสนับสนุน AI Security ใช้สำหรับทดสอบเพื่อความปลอดภัยของผู้บริโภค

ด้านธนาวัฒน์ วุฒิชัยธนากร ผู้จัดการระบบอัตโนมัติ บริษัท เลิศวิลัยแอนด์ซันส์ จำกัด จากผลงาน FACoBOT ซึ่งได้รับทุนทดสอบผลิตภัณฑ์และได้รับ P-Mark กล่าวว่า บริษัทฯ ได้พัฒนาหุ่นยนต์ AR ตั้งแต่ช่วง COVID-19 โดยพัฒนาหุ่นยนต์เสิร์ฟอาหารแทนบุคลากรทางการแพทย์ จนมีแนวคิดว่าน่าจะนำไปใช้ในภาคอุตสาหกรรมได้ เช่น หุ่นยนต์ลาก ยก Feed โดยออกแบบตามโมดูลที่ลูกค้าต้องการ พร้อมหาลู่ทางส่งออก ทำให้เกิดอุปสรรค เนื่องจากต้องมีมาตรฐาน CE Mark และมาตรฐาน ISO จนได้เข้าร่วมโครงการ P-Mark ทำให้ทราบว่ามีหน่วยงานรัฐเล็งเห็นความสำคัญและสนับสนุนด้านนี้