กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) โดยหน่วยบริหารและจัดการทุนด้านการพัฒนากำลังคน และทุนด้านการพัฒนาสถาบันอุดมศึกษา การวิจัยและนวัตกรรม (บพค.) สำนักงานสภานโยบายการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรมแห่งชาติ (สอวช.) จัดพิธีลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือกับกรมราชทัณฑ์ กระทรวงยุติธรรม เพื่อเดินหน้า “โครงการยกระดับทักษะกำลังคนหลังกำแพงเพื่อเพิ่มความสามารถในการประกอบอาชีพให้ก้าวทันต่อยุคแห่งดิจิทัล โดยใช้วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม” เพื่อพัฒนาทักษะด้านดิจิทัลสำหรับผู้ต้องขัง เพิ่มโอกาสในการเข้าสู่ตลาดแรงงาน และส่งเสริมการประกอบอาชีพหลังพ้นโทษ ตั้งเป้าหมายให้เกิดการพัฒนาคนให้มีทักษะแรงงานสูงทางด้านดิจิทัลให้เท่าทันต่อการเปลี่ยนแปลงของเทคโนโลยีจำนวนอย่างน้อย 1,000 คน ภายในปี 2569
ปัจจุบันสายงานด้านเทคโนโลยีเป็นหนี่งในสายงานที่เติบโตอย่างต่อเนื่อง ทำให้ความต้องการในอุตสาหกรรมดิจิทัลเพิ่มขึ้นอย่างมาก จากการขยายตัวของเทคโนโลยีที่เข้ามามีบทบาทในทุกมิติของธุรกิจและชีวิตประจำวัน ส่งผลให้ความต้องการบุคลากรในอุตสาหกรรมดิจิทัลเพิ่มขึ้นอย่างมาก อย่างไรก็ตาม ตลาดแรงงานในสายงานนี้กลับประสบปัญหาขาดแคลนบุคลากร โดยเฉพาะกลุ่มที่มีความเชี่ยวชาญเฉพาะทาง ด้วยเหตุนี้ความร่วมมือระหว่างหน่วยบริหารและจัดการทุนด้านการพัฒนากำลังคน (บพค.) และกรมราชทัณฑ์จึงเกิดขึ้น โดยมีเป้าหมายเพื่อเสริมสร้างศักยภาพกลุ่มคนหลังกำแพง ซึ่งหมายถึงผู้ต้องขังในเรือนจำและบุคลากรของกรมราชทัณฑ์
ศุภมาส อิศรภักดี รัฐมนตรีกระทรวงอดุมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) เปิดเผยว่า ความร่วมมือในครั้งนี้ สอดคล้องกับยุทธศาสตร์ของประเทศและแนวทางของสภานโยบายฯ โดยเน้นการส่งเสริมการเรียนรู้ตลอดชีวิต (Lifelong Learning) ซึ่งถือเป็นหัวใจสำคัญในการพัฒนาศักยภาพของประชากรยุคใหม่ โดยแนวทางดังกล่าวมุ่งเน้นไปที่การพัฒนาทักษะที่จำเป็นในโลกปัจจุบัน เช่น การพัฒนาทักษะใหม่ (Re-skill) และการเพิ่มพูนทักษะเดิม (Up-skill) เพื่อให้สอดคล้องกับความต้องการของตลาดแรงงานที่เปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว โดยเฉพาะการให้ความสำคัญกับกลุ่มเป้าหมายพิเศษ ได้แก่ กลุ่มคนหลังกำแพง ซึ่งเป็นกลุ่มที่เผชิญกับความยากลำบากในการกลับคืนสู่สังคมและโอกาสในชีวิตใหม่
สหการณ์ เพ็ชรนรินทร์ อธิบดีกรมราชทัณฑ์ กล่าวว่า กรมราชทัณฑ์เชื่อมั่นว่าการศึกษาและการพัฒนาทักษะอาชีพเป็นรากฐานสำคัญในการสร้างอนาคตใหม่ให้กับผู้ต้องขัง การร่วมมือกับหน่วยบริหารและจัดการทุนด้านการเพิ่มความสามารถในการแข่งขันของประเทศ (บพค.) ในการพัฒนาทักษะด้านดิจิทัลและวิทยาศาสตร์วิจัยครั้งนี้ จึงเป็นการตอบโจทย์ทั้งความต้องการของอุตสาหกรรมปัจจุบันและการสร้างโอกาสที่เท่าเทียมให้กับผู้ที่ต้องการเริ่มต้นชีวิตใหม่ โดยมุ่งเน้นการสร้างโปรแกรมสนับสนุนการพัฒนาผู้ต้องขังและบุคลากรกรมราชทัณฑ์ในด้านอุตสาหกรรมสร้างสรรค์ รวมถึงการเสริมทักษะที่จำเป็นต่อการดำเนินชีวิตในสังคมภายนอกให้ทันต่อการเปลี่ยนแปลงทางเทคโนโลยีและสื่อดิจิทัลสมัยใหม่ ทั้งในรูปแบบ Online และ Onsite นอกจากนี้ ยังได้พัฒนาโปรแกรม “Train the Trainer” เพื่อสร้างกลไกการพัฒนากำลังคนอย่างยั่งยืน โดยใช้ระบบวิทยาศาสตร์ วิจัย และนวัตกรรม
ทั้งนี้ กรมราชทัณฑ์ได้จัดหลักสูตรวิชาชีพระยะสั้นด้านดิจิทัลให้กับผู้ต้องขัง เช่น หลักสูตรทักษะความเข้าใจและการใช้เทคโนโลยีดิจิทัลเพื่อประกอบอาชีพ หลักสูตรการสร้างรายได้จากการขายภาพออนไลน์ หลักสูตรนักออกแบบบรรจุภัณฑ์ และการอบรมธุรกิจออนไลน์ เพื่อสร้างทักษะที่สามารถนำไปใช้ประกอบอาชีพหลังพ้นโทษ นอกจากนี้ ยังส่งเสริมการอบรมอาสาสมัครดิจิทัลให้กับเจ้าหน้าที่กรมราชทัณฑ์ เพื่อให้มีความรู้เท่าทันโลกดิจิทัลและสามารถนำทักษะที่ได้ไปถ่ายทอดให้กับผู้ต้องขังกลุ่มเตรียมความพร้อมก่อนปล่อยตัว เพื่อเพิ่มโอกาสในการกลับคืนสู่สังคมได้อย่างมั่นใจ
ดร.สุรชัย สถิตคุณารักษ์ ผู้อำนวยการสำนักงานสภานโยบายการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวตกรรมแห่งชาติ (สอวช.) รักษาการแทนผู้อำนวยการ บพค. กล่าวว่า บพค.มีความมุ่งมั่นในการสนับสนุนการพัฒนาทักษะกำลังคนอย่างครอบคลุม โดยเฉพาะกลุ่มเป้าหมายที่ต้องการโอกาสในการเริ่มต้นใหม่ เราเชื่อมั่นว่าวิทยาศาสตร์ วิจัย และนวัตกรรม จะเป็นเครื่องมือสำคัญที่ช่วยยกระดับชีวิตและศักยภาพของผู้ต้องขังให้สามารถคืนสู่สังคมได้อย่างยั่งยืน
ดร.ภาวดี อังค์วัฒนะ รองผู้อำนวยการ หน่วยบริหารและจัดการทุนด้านการพัฒนากำลังคน และทุนด้านการพัฒนาสถาบันอุดมศึกษา การวิจัยและนวัตกรรม (บพค.) กล่าวว่า โครงการนี้มุ่งเน้นการพัฒนาศักยภาพของผู้ต้องขังที่กำลังจะได้รับการปล่อยตัว ผ่านหลักสูตรเฉพาะที่ออกแบบเพื่อกลุ่มเป้าหมายดังกล่าว โดยให้ความสำคัญกับการเสริมทักษะในด้านดิจิทัลและปัญญาประดิษฐ์ (AI) เพื่อให้ผู้เข้าร่วมโครงการมีความรู้และความพร้อมสำหรับการกลับคืนสู่สังคม โดยรูปแบบการพัฒนาจะเน้นกระบวนการ “โฮลดิ้งแฮนด์” หรือการสนับสนุนอย่างใกล้ชิดและเป็นขั้นตอน ค่อย ๆ ปรับตัวและพัฒนาไปพร้อมกับการเรียนรู้ทักษะที่จำเป็น ทั้งนี้ ในรุ่นแรกของโครงการตั้งเป้าพัฒนาผู้ต้องขังจำนวน 1,000 คน โดยผู้ที่สำเร็จโครงการจะได้รับวุฒิบัตรและการรับรองที่สามารถใช้เป็นหลักฐานแสดงถึงศักยภาพและทักษะที่ได้รับ ซึ่งจะช่วยสร้างความมั่นใจและยกระดับการยอมรับในสังคม
“หากโครงการนี้ประสบความสำเร็จ บพค. มีแผนที่จะขยายโครงการในวงกว้างอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้ครอบคลุมกลุ่มเป้าหมายมากขึ้น และสร้างระบบการพัฒนาที่ยั่งยืนในระยะยาว อันจะนำไปสู่การลดอัตราการกระทำผิดซ้ำ และช่วยให้ผู้ต้องขังมีโอกาสในการเริ่มต้นชีวิตใหม่ที่มั่นคงและมีคุณภาพ” รองผู้อำนวยการ บพค. กล่าวทิ้งท้าย