ท่ามกลางความท้าทายของตลาดแรงงานไทย ทั้งจากโครงสร้างประชากรที่เข้าสู่สังคมผู้สูงอายุอย่างสมบูรณ์ อัตราการเกิดใหม่ที่ลดลงอย่างต่อเนื่อง และการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วของเทคโนโลยี โดยเฉพาะระบบปัญญาประดิษฐ์ (AI) ที่กำลังเข้ามาปรับรูปแบบการทำงานในหลากหลายอุตสาหกรรม กระทรวงแรงงานจึงเดินหน้าเตรียมจัดงาน JOB EXPO THAILAND 2025 มหกรรมหางานระดับชาติที่ยิ่งใหญ่ที่สุดแห่งปี เพื่อเป็นกลไกสำคัญในการสร้างตำแหน่งงานใหม่ พัฒนาทักษะแรงงานให้สอดรับกับความต้องการของภาคอุตสาหกรรม และยกระดับคุณภาพชีวิตของแรงงานไทยในทุกช่วงวัย โดยเฉพาะกลุ่มที่ยังขาดโอกาสในการเข้าถึงงาน ไม่ว่าจะเป็นผู้ว่างงาน ผู้สูงอายุ ผู้พิการ รวมถึงผู้ที่ต้องการเปลี่ยนอาชีพหรือพัฒนาตนเองสู่สายงานใหม่ในโลกยุคดิจิทัล
พิพัฒน์ รัชกิจประการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน เปิดเผยว่า กระทรวงแรงงาน โดยกรมการจัดหางาน เดินหน้าประกาศความพร้อมสำหรับงาน JOB EXPO THAILAND 2025 มหกรรมหางานระดับชาติที่ครบวงจรและยิ่งใหญ่ที่สุดแห่งปี ที่กำลังจะมีขึ้นระหว่างวันที่ 6-8 มิถุนายน 2568 นี้ ณ ฮอลล์ 5-6 ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ ภายใต้แนวคิด “มหกรรมหางาน ที่มากกว่าการหางาน” เพื่อเปิดโอกาสให้ประชาชนทุกกลุ่มทุกช่วงวัยมีงานทำอย่างทั่วถึงและเตรียมความพร้อมของกำลังแรงงานในอนาคต
“ภายในงานได้รวบรวมตำแหน่งงานในประเทศกว่า 500,000 อัตรา และงานต่างประเทศกว่า 100,000 อัตรา พร้อมกิจกรรมเสริมสร้างความรู้ความเข้าใจ เสริมทักษะ ฝึกอาชีพและสนับสนุนการสมัครงานแบบครบวงจร รวมถึงเปิดพื้นที่ไลฟ์สไตล์ “SSO MARKET 2025” ที่รวมแฟชั่น อาหาร ศิลปะ ความบันเทิง และเวิร์กช็อปที่น่าสนใจไว้ในที่เดียว โดยคาดว่าจะมีผู้เข้าร่วมงานตลอดระยะเวลาการจัดงาน มากกว่า 80,000 คน”
พิพัฒน์ กล่าวอีกว่า ปัจจุบันตลาดแรงงานไทยกำลังเผชิญกับความท้าทายครั้งใหญ่ ทั้งจากโครงสร้างประชากรที่เข้าสู่สังคมผู้สูงอายุโดยสมบูรณ์และอัตราเด็กเกิดใหม่ที่ลดลงอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้ประเทศไทยมีแนวโน้มที่จะมีแรงงานในวัยทำงานลดลงในอนาคตอันใกล้รวมถึงการเปลี่ยนผ่านทางเทคโนโลยีที่เข้ามาปรับเปลี่ยนรูปแบบการผลิตในหลากหลายอุตสาหกรรม โดยเฉพาะอย่างยิ่งเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ (AI) ที่กำลังเข้ามาเปลี่ยนวิธีคิด วิธีทำงาน และทักษะแรงงานที่ต้องการ แต่ปัจจุบันพบว่าแรงงานไทยกว่า 60% ยังขาดทักษะที่สอดรับกับความต้องการของอุตสาหกรรมในอนาคต การวางแผนบริหารจัดการกำลังแรงงานให้มีจำนวนที่เหมาะสมและมีทักษะที่ตรงต่อความต้องการของภาคอุตสาหกรรมเพื่อการขับเคลื่อนเศรษฐกิจอย่างยั่งยืนจึงเป็นภารกิจเร่งด่วนที่กระทรวงแรงงานต้องเร่งขับเคลื่อน เพื่อให้แรงงานทุกช่วงวัยได้รับโอกาสในการเข้าถึงงานที่เหมาะสมและพัฒนาทักษะที่จำเป็นพร้อมรองรับความต้องการของภาคอุตสาหกรรมทั้งในปัจจุบันและอนาคต
งานนี้จึงไม่ใช่แค่พื้นที่สำหรับการสมัครงานเท่านั้น แต่เป็นเวทีที่เปิดโอกาส สร้างแรงบันดาลใจ เสริมสร้างความรู้ ความเข้าใจในการประกอบอาชีพ และเตรียมความพร้อมของกำลังแรงงานในอนาคต เพื่อประชาชนทุกกลุ่ม ทุกช่วงวัย ไม่ว่าจะเป็นผู้สำเร็จการศึกษาใหม่ ผู้ที่กำลังมองหางานหรือผู้ที่ต้องการเปลี่ยนสายอาชีพ ยังรวมถึงผู้พิการและผู้สูงอายุ ให้สามารถเข้าถึงโอกาสการจ้างงานได้อย่างทั่วถึง พร้อมทั้งส่งเสริมการพัฒนาทักษะที่จำเป็นต่อโลกการทำงานยุคใหม่ แนะแนวทางการประกอบอาชีพ เสริมสร้างความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับตลาดแรงงานงาน และฝึกฝนความชำนาญในสายงานต่าง ๆ เพื่อให้ประชาชนได้ค้นพบเส้นทางอาชีพที่สอดคล้องกับความรู้ ความสามารถ และเหมาะสมกับกับตนเอง สร้างรายได้ที่มั่นคง และมีโอกาสพัฒนาคุณภาพชีวิตให้ดีขึ้นได้อย่างยั่งยืนในอนาคต
นอกจากนี้ กระทรวงแรงงานยังร่วมกับสำนักงานประกันสังคมเตรียมมาตรการเสริมสภาพคล่องเพื่อสนับสนุนภาคธุรกิจและแรงงานไทยอย่างรอบด้าน โดยเตรียมวงเงินกู้จำนวน 20,000 ล้านบาท สำหรับผู้ประกอบการที่ต้องการเสริมสภาพคล่องให้กับสถานประกอบการ โดยสามารถขอกู้ผ่านธนาคารในอัตราดอกเบี้ย 2.35% เป็นระยะเวลา 3 ปี วงเงินกู้รายละไม่เกิน 50 ล้านบาท เพื่อช่วยให้นายจ้างสามารถรักษาระดับการจ้างงานไว้ได้อย่างมั่นคง ขณะเดียวกัน ยังเตรียมวงเงินอีก 157,000 ล้านบาท สำหรับเปิดให้ผู้ประกันตนตามมาตรา 33, 39 และ 40 เข้าถึงสินเชื่อรายย่อย เพื่อประกอบอาชีพเสริม หรือลงทุนตั้งตัว โดยมีวงเงินกู้ระหว่าง 100,000 – 300,000 บาท เพื่อเพิ่มรายได้และความมั่นคงในระยะยาว
ด้าน สมชาย มรกตศรีวรรณ อธิบดีกรมการจัดหางาน กล่าวว่า ภายในงานมีกิจกรรมมากมาย ไม่ว่าจะเป็น กิจกรรมส่งเสริมการจ้างงาน Job Matching สำหรับงานในประเทศ โดยผู้ประกอบการชั้นนำและบริษัทจัดหางานออนไลน์รวมกว่า 172 ราย พร้อมตำแหน่งงานกว่า 500,000 อัตรา เพื่อรองรับการสมัครงานภายในงาน และสำหรับผู้ไม่สะดวกมาร่วมงานสามารถเข้ารับคำปรึกษาและคำแนะนำในการหางานจากทีมงานผู้เชี่ยวชาญได้ผ่านทางระบบออนไลน์และแอปพลิเคชัน “ไทยมีงานทำ” และ “คนทำงาน” Job Matching สำหรับผู้สนใจไปทำงานต่างประเทศ โดยรวบรวมตำแหน่งงานจากหลากหลายประเทศกว่า 100,000 อัตรา พร้อมจัดเตรียมหน่วยงานคอยให้คำปรึกษาและความรู้เพื่อเตรียมความพร้อมก่อนเดินทางไปทำงานในต่างประเทศ และเปิดโอกาสให้ผู้สนใจสามารถลงทะเบียนสมัครได้ภายในงาน
ทั้งนี้ ยังได้จัดเตรียมโซนพิเศษสำหรับผู้สูงอายุและผู้พิการ ที่กำลังมองหางาน พร้อมบริการให้คำปรึกษาและค้นหาตำแหน่งงานที่เหมาะสมตามศักยภาพของแต่ละบุคคล นอกจากนี้ ยังมีกิจกรรมส่งเสริมการทำงานในกลุ่มอาชีพอิสระและผู้ที่กำลังมองหาอาชีพเสริมหรืออยากเริ่มต้นทำธุรกิจของตัวเอง โดยมีการสาธิตอาชีพอิสระ 8 อาชีพ พร้อมจัดแสดงและจำหน่ายสินค้าจากกลุ่มผู้ประกอบการแฟรนไชส์ชั้นนำ 13 แห่ง กลุ่มรับงานไปทำที่บ้าน 6 กลุ่ม และกลุ่มหนึ่งตำบลหนึ่งผลิตภัณฑ์จำนวน 10 ราย เพื่อการสร้างโอกาส สร้างงาน สร้างอาชีพและสร้างรายได้
ภายในงานมีกิจกรรมเพื่อส่งเสริมความรู้ ความเข้าใจ และการพัฒนาทักษะแรงงานอย่างรอบด้าน พร้อมกิจกรรมเสวนาสร้างแรงบันดาลใจจากวิทยากรชั้นนำระดับประเทศกว่า 30 คน ถ่ายทอดประสบการณ์เกี่ยวกับลักษณะงานและทักษะที่ตลาดแรงงานต้องการในยุคปัจจุบัน และแนะแนวแนวทางเตรียมความพร้อมของแรงงานในอนาคต นอกจากนี้ ยังมีกิจกรรมแนะแนวเส้นทางการศึกษาและอาชีพจาก 9 สถาบันการศึกษาชั้นนำ เพื่อให้นักเรียน นักศึกษาสามารถเลือกสายการเรียนและอาชีพที่เหมาะสมกับความถนัดของตนเอง รวมถึงเปิด “คลินิกให้คำปรึกษาทางอาชีพ” และบริการ “ทดสอบความถนัดในสายอาชีพ” เพื่อช่วยค้นหาศักยภาพและความเหมาะสมของแต่ละบุคคล
อีกหนึ่งจุดเด่นคือโซน “UPSKILL & RESKILL” ที่รวบรวมผู้ประกอบการด้านการพัฒนาทักษะแรงงานชั้นนำกว่า 20 แห่ง มาให้ความรู้เกี่ยวกับการพัฒนาฝีมือเพื่อสร้างรายได้ที่มั่นคงและยั่งยืน ขณะเดียวกัน สำหรับผู้ที่สนใจอาชีพอิสระ ยังสามารถเข้าร่วมกิจกรรมในโซน “SSO MARKET 2025” ซึ่งเป็นความร่วมมือระหว่างกรมการจัดหางานและสำนักงานประกันสังคม ที่รวบรวมผู้ประกอบการหลากหลายอาชีพ เปิดโอกาสให้ผู้ประกันตนมีช่องทางในการสร้างรายได้เสริม พร้อมเสริมสร้างความเข้าใจเกี่ยวกับสิทธิประโยชน์ในระบบประกันสังคมอย่างครอบคลุม