หัวเว่ย คลาวด์ ผู้นำระดับโลกด้านโครงสร้างพื้นฐานและบริการคลาวด์ เตรียมพลิกโฉมอุตสาหกรรมสื่อและบันเทิงของประเทศไทย ด้วยการนำเสนอเทคโนโลยีคลาวด์และโครงสร้างพื้นฐานที่ล้ำสมัย เพื่อขับเคลื่อนการปรับเปลี่ยนสู่ยุคดิจิทัลของผู้ประกอบการสื่อ ความมุ่งมั่นในการสนับสนุนอุตสาหกรรมสื่อและบันเทิง ได้ถูกถ่ายทอดต่อแขกผู้มีเกียรติและสื่อมวลชนชั้นนำกว่าร้อยคน ในงาน Huawei Cloud Media & Entertainment Forum 2024 กรุงเทพฯ
วิกเตอร์ หลัว ผู้อำนวยการฝ่ายโซลูชัน หัวเว่ย คลาวด์ ประเทศไทย กล่าวในงานฟอรั่ม โดยเน้นย้ำถึงความท้าทายที่ผู้ประกอบการสื่อต้องเผชิญในการยกระดับการมีส่วนร่วมของผู้ชม ปรับปรุงประสิทธิภาพการผลิตเนื้อหา และนำนวัตกรรมมาพัฒนาแนวทางการส่งมอบเนื้อหาในยุคดิจิทัลที่ขับเคลื่อนด้วย AI ซึ่งเรามีความมุ่งมั่นในการสนับสนุนการเปลี่ยนแปลงของอุตสาหกรรมสื่อและบันเทิงไทย โดยใช้เทคโนโลยีคลาวด์ขั้นสูงและโครงสร้างพื้นฐานที่แข็งแกร่ง เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและความสามารถในการแข่งขัน ซึ่งเทคโนโลยีคลาวด์กำลังเปลี่ยนแปลงวิธีการผลิตและช่วยกระจายเนื้อหาได้อย่างมีนัยสำคัญ
ล่าสุด หัวเว่ย คลาวด์ ได้นำเสนอ MetaStudio แพลตฟอร์มคลาวด์เนทีฟขั้นสูงที่ออกแบบมาสำหรับการผลิตเนื้อหาดิจิทัล แพลตฟอร์มแบบครบวงจรนี้ช่วยให้สามารถตอบโต้กับผู้ใช้งานแบบเรียลไทม์และผสานรวมกับ AI ได้อย่างราบรื่น โดยเนื้อหาที่สร้างโดยปัญญาประดิษฐ์ (Artificial Intelligence Generated Content: AIGC) ช่วยเปิดโอกาสใหม่ในด้านความบันเทิง อีคอมเมิร์ซ และการถ่ายทอดสด
เทย์เลอร์ ลู่ รองประธานฝ่ายบริการสื่อของหัวเว่ย คลาวด์ กล่าวว่า การเปิดตัว MetaStudio ถือเป็นก้าวสำคัญในวงการสื่อของประเทศไทย ด้วยโซลูชันคลาวด์ของเรา ผู้ประกอบการสื่อสามารถเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตเนื้อหา สร้างสื่อดิจิทัลคุณภาพสูง และมีส่วนร่วมกับผู้ชมได้แบบเรียลไทม์ เรามุ่งมั่นที่จะขับเคลื่อนนวัตกรรม และส่งเสริมระบบนิเวศสื่อดิจิทัลที่มีความหลากหลายอย่างต่อเนื่องในประเทศไทย
MetaStudio ของ Huawei Cloud เป็นสายการผลิตเนื้อหาดิจิทัลแบบครบวงจรที่ผู้ใช้สามารถผลิตและเรนเดอร์เนื้อหาดิจิทัล สร้างมนุษย์เสมือน (virtual human) เนื้อหา 3 มิติ และวิดีโอผ่านเทคโนโลยี AI ซึ่งการฝึกอบรมในภาษาแม่ใช้เวลาเพียงครั้งเดียว และมนุษย์เสมือนสามารถพูดได้มากกว่า 20 ภาษา โดยมีความแม่นยำในการลิปซิงค์ (lip sync) มากกว่า 95% นอกจากนี้ Huawei Cloud’s interactive media network ซึ่งสร้างขึ้นจาก 2,800 CDN edge nodes ทั่วโลก ยังเพิ่มความเร็วในการโหลดแอปพลิเคชันที่มีข้อมูลจำนวนมากด้วยแบนด์วิดธ์มากกว่า 180 Tbit/s ทำให้การถ่ายทอดสดมีความหน่วงต่ำกว่า 500 มิลลิวินาที ผู้ใช้สามารถโต้ตอบกันได้แบบเรียลไทม์ในระหว่างการถ่ายทอดสด อีคอมเมิร์ซ และเกมออนไลน์ ขณะเดียวกัน AI MPC (Media Processing Center) จะทำการเข้ารหัสและถอดรหัสอัจฉริยะ ลดอัตราบิตลง 30% ในภาพ HD ช่วยประหยัดพื้นที่จัดเก็บและค่าใช้จ่ายแบนด์วิดธ์ CDN และปรับปรุงรายละเอียดของภาพ
จากการรายงาน Global Media & Entertainment Outlook 2024-2028 ของ PwC คาดว่า อุตสาหกรรมสื่อและบันเทิงในประเทศไทยจะเติบโตขึ้น 4% ในด้านรายได้ในปีนี้ ถึงแม้จะเผชิญกับความท้าทายต่างๆ เช่น ภาวะเศรษฐกิจชะลอตัว ปัญหาโครงสร้าง และผลกระทบจากเทคโนโลยีใหม่ๆ ต่อการดำเนินธุรกิจ เพื่อสนับสนุนตลาดท้องถิ่น หัวเว่ย คลาวด์ได้จัดเตรียมบริการและโครงสร้างพื้นฐานที่ปรับให้เข้ากับประเทศไทย รวมถึงศูนย์ข้อมูลในประเทศ เพื่อให้มั่นใจว่าการสร้างและกระจายเนื้อหามีความรวดเร็วและเป็นไปตามข้อกำหนดต่าง ๆจากข้อมูลของการ์ทเนอร์ (Gartner) หัวเว่ยครองอันดับ 3 ในแง่ของรายได้ ในตลาดโครงสร้างพื้นฐานคลาวด์ของประเทศไทย นอกจากนี้ รายงานของฟรอสต์ แอนด์ ซัลลิแวน (Frost & Sullivan) ระบุว่าหัวเว่ย คลาวด์ครองอันดับ 1 ในตลาดไฮบริดคลาวด์ของประเทศอีกด้วย
นับตั้งแต่เปิดตัวในประเทศไทย เมื่อวันที่ 30 กันยายน 2561 หัวเว่ย คลาวด์ได้แนะนำบริการคลาวด์มากกว่า 100 รายการ สร้างความร่วมมือกับธุรกิจท้องถิ่นกว่า 300 แห่ง และสนับสนุนลูกค้าหลายพันราย โดยมีโซนการให้บริการ (AZs) 3 แห่งในประเทศไทย นอกจากนี้ หัวเว่ย คลาวด์ยังรองรับตัวเลือกการชำระเงินในประเทศและข้อกำหนดการปฏิบัติตามกฎหมาย ด้วยศูนย์นวัตกรรม OpenLab ของบริษัทที่ส่งเสริมความร่วมมือและนวัตกรรมอย่างต่อเนื่อง เพื่อตอบสนองความต้องการที่เปลี่ยนแปลงไปของตลาดในประเทศไทย
ปัจจุบัน หัวเว่ย คลาวด์ กำลังเร่งการเติบโตทางดิจิทัลด้วยโครงการ GoCloud โดยทำงานร่วมกับพันธมิตรในท้องถิ่นเพื่อพัฒนานวัตกรรมที่สนับสนุนการขยายตัวทางเศรษฐกิจของประเทศไทยซึ่งมีเป้าหมายที่จะยกระดับเศรษฐกิจดิจิทัลของประเทศ และส่งเสริมโอกาสการเติบโตใหม่ในอุตสาหกรรมสื่อของประเทศไทย หัวเว่ย คลาวด์ ยังมีบทบาทสำคัญในการพัฒนาทักษะของบุคลากรดิจิทัลของประเทศไทย ผ่านทาง ASEAN Academy บริษัทได้ฝึกอบรมผู้เชี่ยวชาญชาวไทยแล้วกว่า 96,000 คน เพื่อเสริมสร้างศักยภาพให้กับคนรุ่นใหม่ในการใช้เทคโนโลยีคลาวด์และขับเคลื่อนการเปลี่ยนผ่านดิจิทัลของประเทศ