กรุงเทพฯ : เมื่อเร็วๆ นี้ เอปสันเปิดตัวอิงค์เจ็ทพรินเตอร์ความเร็วสูงสำหรับองค์กรขนาดใหญ่ ตระกูล WorkForce 2 รุ่น ที่ใช้เทคโนโลยีหัวพิมพ์ไมโครปิเอโซของเอปสัน ที่มีประสิทธิภาพงานพิมพ์ดีเยี่ยม คุ้มค่า และเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม
ยรรยง มุนีมงคลทร ผู้อำนวยการ บริษัท เอปสัน (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า หลังจากที่เอปสัน ได้เปิดตัว อิงค์เจ็ทพรินเตอร์ความเร็วสูง WorkForce ซึ่งออกแบบมาเพื่อองค์กรโดยเฉพาะ ล่าสุดได้เปิดตัวมัลติฟังก์ชั่นอิงค์เจ็ทพรินเตอร์ จำนวน 2 รุ่น ได้แก่ Epson WorkForce Enterprise WF-M20590 และ Epson WorkForce Pro WF-C579R โดยเครื่องพิมพ์ WorkForce นั้นมีความเร็วในการพิมพ์เทียบเท่าเลเซอร์พรินเตอร์ แต่มีต้นทุนการพิมพ์ที่ประหยัดกว่าถึง 50% ช่วยประหยัดต้นทุนและเวลาในการทำงาน ซึ่งทั้งสองรุ่นใช้เทคโนโลยีหัวพิมพ์ไมโครปิเอโซรุ่นล่าสุด PrecisionCore Line Head ที่สามารถยิงน้ำหมึกลงบนกระดาษที่วิ่งผ่านหัวพิมพ์ไปด้วยความเร็วสูงได้อย่างแม่นยำ รวมถึงมีฟังก์ชั่นสำหรับสแกนเนอร์และเครื่องถ่ายเอกสารรวมไว้ในเครื่องเดียวอย่างครบครัน
มัลติฟังก์ชั่นพรินเตอร์ Epson WorkForce Enterprise WF-C20590 เป็นเครื่องพิมพ์ที่ถูกออกแบบมาเพื่อตอบโจทย์การพิมพ์ขาวดำในปริมาณมาก ใช้หมึกกันน้ำ DURABriteTM Pro และตลับหมึกความจุสูง สามารถพิมพ์ได้สูงสุดถึง 120,000 แผ่น ทำให้พิมพ์งานได้ต่อเนื่องไม่สะดุด พิมพ์ได้เร็วถึง 100 แผ่น/นาที ทั้งการพิมพ์หน้าเดียวและพิมพ์สองหน้า อีกทั้งยังสแกนเอกสารแบบหน้าเดียวเร็ว 60 หน้า/นาที และสแกน 2 หน้า 110 หน้า/นาที รองรับกระดาษได้ถึงขนาด A3 นอกจากนี้สามารถเพิ่มปริมาณความจุของถาดใส่กระดาษ ด้วยอุปกรณ์เสริมถาดกระดาษความจุสูงถึง 5,350 แผ่น และอุปกรณ์ Finisher ที่สามารถจัดเรียงเอกสาร เข้าเล่ม และจัดรูปเล่มได้สูงสุดถึง 4,000 แผ่น
ส่วน Epson WorkForce Pro WF-C579R ใช้ระบบหมึก RIPs (Replaceable Ink Pack) รองรับการพิมพ์สีได้ 20,000 แผ่น และขาวดำ 50,000 แผ่น โดยไม่ต้องเปลี่ยนชุดหมึก ช่วยลดเวลาในการเปลี่ยนหมึกและประหยัดค่าใช้จ่ายได้มากยิ่งขึ้น อีกทั้งใช้หมึก DURABriteTM Ultra Ink ให้งานพิมพ์ที่มีคุณภาพเหมือนเลเซอร์ที่กันน้ำทนต่อการซีดจางและป้องกันรอยเปื้อน สามารถเพิ่มความจุกระดาษได้มากถึง 1,330 แผ่น ทั้งยังพิมพ์ได้เร็ว 24 แผ่น/นาที และสามารถพิมพ์หน้าแรกได้ด้วยเวลาเพียง 5.3 วินาที
“กลุ่มผลิตภัณฑ์อิงค์เจ็ทพรินเตอร์ Epson WorkForce ได้รับการออกแบบมาโดยคำนึงถึงเรื่องการใช้พลังงานอย่างมีประสิทธิภาพ และช่วยองค์กรลดปริมาณของเสียด้วยการใช้ชิ้นส่วนอุปกรณ์สิ้นเปลืองให้น้อยที่สุด อีกทั้งยังใช้งานง่ายและสะดวกต่อการบำรุงรักษา ไม่ส่งผลกระทบต่อความเร็วและประสิทธิภาพในการทำงานภายในองค์กร จึงเป็นทางเลือกที่คุ้มค่ากว่าสำหรับผู้บริโภคที่ต้องการทดแทนเลเซอร์พรินเตอร์ รวมถึงเครื่องถ่ายเอกสารที่ยังใช้อยู่ในองค์กรธุรกิจต่างๆ ได้” ยรรยง กล่าวทิ้งท้าย