ปัจจุบัน มลพิษส่งผลให้ผู้คนเผชิญกับโรคร้ายมากมาย ไม่ว่าจะเป็น มะเร็ง โรคหัวใจ โรคหลอดเลือดสมอง โรคปอด และโรคอื่น ๆ ที่ส่งผลกระทบต่อสุขภาพและคุณภาพชีวิต การวินิจฉัยโรคอย่างละเอียดแม่นยำด้วย CT Scan หรือ เอกซเรย์คอมพิวเตอร์ เป็นเครื่องมือช่วยให้มองเห็นอวัยวะภายในร่างกายได้อย่างชัดเจน ช่วยให้วินิจฉัยโรคได้แม่นยำ และเลือกแนวทางการรักษาได้อย่างตรงจุด
โรงพยาบาลบำรุงราษฎร์จึงนำนวัตกรรม Photon Counting CT มาใช้ในการวินิจฉัยโรค ซึ่งสามารถให้ภาพที่คมชัดทุกมิติ ตรวจพบความผิดปกติที่ซับซ้อนด้วยความละเอียดสูง และจำแนกโรคได้แม่นยำยิ่งขึ้น นอกจากนี้ ยังช่วยลดปริมาณรังสีที่ผู้ป่วยได้รับ ลดความเสี่ยงจากผลข้างเคียง ทำให้ปลอดภัยกว่า CT Scan แบบเดิม แพทย์สามารถวินิจฉัยได้รวดเร็วยิ่งขึ้น นับเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญ ที่ช่วยยกระดับการวินิจฉัยโรคให้ก้าวล้ำกว่าเดิม
แบร์รี่ วอล์ฟแมน Senior Executive Director of Operations โรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ เปิดเผยว่า Photon Counting CT ถือเป็นความก้าวหน้าครั้งสำคัญของเทคโนโลยีถ่ายภาพทางการแพทย์และการวินิจฉัยโรคเครื่องแรกในประเทศไทย และมีเพียง 180 เครื่องทั่วโลก โดยต่อยอดจากเทคโนโลยีที่แข็งแกร่งและพันธสัญญาต่อผู้ป่วยและทีมแพทย์ เครื่องนี้ช่วยเพิ่มคุณภาพของภาพ ลดการได้รับรังสี และช่วยให้การวินิจฉัยและรักษามีความแม่นยำยิ่งขึ้น เพื่อให้แพทย์และบุคลากรมีเทคโนโลยีที่ดีที่สุด และช่วยให้การตัดสินใจทางการแพทย์มีข้อมูลที่ครบถ้วนมากขึ้น
คริส โพเรย์ Managing Director ซีเมนส์ เฮลท์ธิเนียร์ส ประเทศไทย ผู้ให้บริการเครื่องมือ, โซลูชัน และบริการด้านเทคโนโลยีทางการแพทย์ กล่าวว่า ปัจจุบัน เราได้ใช้ Photon Counting CT สแกนผู้ป่วยไปแล้วกว่า 1 ล้านรายทั่วโลก และผ่านการใช้งานมาแล้วกว่า 30 ประเทศ พร้อมมีการรับรองจากงานวิจัยทางวิชาการกว่า 500 ฉบับ นอกจากนี้ เรายังได้พิสูจน์แล้วว่าการสแกนมีความรวดเร็วขึ้น โดยอย่างน้อยหนึ่งสถาบันทางการแพทย์สามารถทำการสแกนได้ถึง 110 รายต่อวัน แต่การพัฒนาเทคโนโลยี Photon Counting นั้นต้องใช้การลงทุนที่สูงมาก และนี่เป็นเส้นทางที่เราใช้เวลากว่า 20 ปี ในการพัฒนา การวิจัยเกี่ยวกับเทคโนโลยีตัวตรวจจับ (Detector Technology) ซึ่งเป็นรากฐานของ Photon Counting CT ได้เริ่มต้นตั้งแต่ปี 2003 เราได้ต้นแบบแรกในปี 2014 และเปิดตัวระบบนี้อย่างเป็นทางการในปี 2021 ซึ่งถือเป็นการลงทุนครั้งใหญ่ในด้านการวิจัยและพัฒนา และเราจะต้องเดินหน้าลงทุนต่อไป
ภายในงาน มีการเสวนาเพื่อเผยแพร่ความรู้ความเข้าใจ โดยแพทย์เฉพาะทางในด้านรังสีวิทยา ประสาทวิทยา โรคปอดและระบบทางเดินหายใจ โรคหัวใจ และเวชศาสตร์พันธุกรรม รวมถึงประโยชน์ของการนำเทคโนโลยี Photon-counting CT มาใช้ในแต่ละสาขา
นพ. วิทย์ วราวิทย์ หัวหน้าหน่วย Body Imaging แผนกรังสีวิทยา, รังสีแพทย์ โรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ กล่าวว่า การตรวจวินิจฉัยด้วยเครื่องเอกซเรย์คอมพิวเตอร์ Photon-counting ถือเป็นนวัตกรรมที่ก้าวกระโดดในวงการเอ็กซเรย์ เนื่องจากปัจจุบันการสร้างภาพเอกซเรย์คอมพิวเตอร์ต้องแปลงอนุภาคโฟตอนของเอ็กซเรย์เป็นแสงก่อน แล้วจึงใช้ตัวจับแสงเพื่อแปลงเป็นสัญญาณไฟฟ้าในการสร้างภาพ แต่ Photon-counting CT ใช้เซมิคอนดักเตอร์ที่สามารถตรวจจับอนุภาคโฟตอนโดยตรง ทำให้ลดกระบวนการเหลือเพียงขั้นตอนเดียว ส่งผลให้ได้ข้อมูลมากขึ้น สร้างภาพที่มีความละเอียดสูงขึ้น และสามารถวัดพลังงานของอนุภาคโฟตอนแต่ละตัวได้
“การวัดพลังงานนี้ช่วยให้รังสีแพทย์สามารถแยกแยะเนื้อเยื่อและตรวจพบความผิดปกติที่ซับซ้อนได้อย่างแม่นยำ ทำให้ภาพมีความคมชัดมากขึ้น ลดสัญญาณรบกวน และช่วยให้สามารถตรวจพบโรคได้เร็วและแม่นยำยิ่งขึ้น นอกจากนี้ เทคโนโลยีนี้ยังช่วยลดปริมาณรังสีที่ผู้ป่วยได้รับ ทำให้การสแกนด้วย CT ปลอดภัยขึ้น โดยเฉพาะในกลุ่มเสี่ยงหรือผู้ป่วยที่จำเป็นต้องตรวจคัดกรองบ่อย เช่น มะเร็งปอด ภาวะหลอดเลือดหัวใจตีบตัน โรคหลอดเลือดโป่งพอง รวมถึง ผู้ป่วยเด็ก ถือเป็นความก้าวหน้าครั้งสำคัญที่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการวินิจฉัยโรคได้อย่างมีนัยสำคัญ” นพ. วิทย์ กล่าว
นพ. ฤกษ์ชัย ตุลยาภรณ์โชติ หัวหน้าศูนย์โรคระบบประสาท, แพทย์เฉพาะทางโรคระบบประสาทและสมอง โรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ กล่าวถึงผลกระทบต่อการรักษาผู้ป่วยโรคหลอดเลือดสมองว่า เวลาคือสิ่งสำคัญที่สุดสำหรับผู้ป่วยโรคสมอง โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับผู้ป่วยโรคหลอดเลือดสมอง เทคโนโลยี Photon-counting CT ช่วยให้การสแกนภาพสมองรวดเร็วและแม่นยำยิ่งขึ้น ทำให้เราสามารถตรวจพบโรคหลอดเลือดสมองได้เร็วขึ้น และเริ่มการรักษาได้อย่างทันท่วงที ซึ่งเทคโนโลยีนี้ช่วยทำให้ผลลัพธ์การรักษามีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น โดยสามารถลดความเสียหายของสมองและเพิ่มศักยภาพในการฟื้นตัวได้
ผศ.นพ. โชค ลิ้มสุวัฒน์ แพทย์เฉพาะทางโรคระบบทางเดินหายใจและภาวะวิกฤตโรคระบบทางเดินหายใจ โรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ กล่าวว่า ด้วยปัญหามลพิษทางอากาศที่เพิ่มขึ้นในประเทศไทย การตรวจพบโรคปอดในระยะเริ่มต้นจึงมีความสำคัญอย่างยิ่ง เทคโนโลยี Photon-counting CT จะช่วยให้สามารถตรวจพบก้อนเนื้อขนาดเล็กในปอดและคัดกรอง มะเร็งปอดในระยะเริ่มต้น ได้รวดเร็วยิ่งขึ้น นำไปสู่การรักษาที่ทันท่วงทีและเพิ่มอัตราการรอดชีวิตของผู้ป่วย
“แนวทางปัจจุบันสำหรับการตรวจคัดกรองมักใช้ในกลุ่ม ผู้สูบบุหรี่จัด คือ ผู้ที่สูบบุหรี่เกิน 20 ปี วันละ 1 ซอง และมีอายุระหว่าง 50-80 ปี อย่างไรก็ตาม สิ่งที่ยังไม่สามารถระบุได้แน่ชัดคือผลกระทบจาก PM2.5 และมลภาวะทางอากาศ ซึ่งยังไม่มีข้อมูลชัดเจนว่าเราควรเริ่มตรวจคัดกรองเมื่อใดและควรตรวจบ่อยแค่ไหน แต่จากประสบการณ์พบว่า กลุ่มครอบครัวที่มีประวัติเป็นมะเร็งปอดหรือมีความเสี่ยงทางพันธุกรรม ควรได้รับการคัดกรอง เทคโนโลยี Photon-counting CT ช่วยให้ได้ภาพที่คมชัดยิ่งขึ้น ลดปริมาณรังสีที่ผู้ป่วยได้รับ ทำให้การตรวจมีความปลอดภัยและมีประสิทธิภาพมากขึ้น” ผศ.นพ. โชค กล่าว
พญ. มนัสวี วัสสระ แพทย์เฉพาะทางโรคหัวใจ โรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ กล่าวถึงประโยชน์ของการป้องกันโรคหัวใจว่า โรคหัวใจยังคงเป็นหนึ่งในสาเหตุของการเสียชีวิตอันดับต้น ๆ ทั่วโลก เทคโนโลยี Photon-counting CT ช่วยเพิ่มขีดความสามารถในการตรวจพบโรคหลอดเลือดหัวใจตีบ การตรวจคราบหินปูนในหลอดเลือดหัวใจ และการแยกความแตกต่างของคราบไขมัน ด้วยเทคนิคการฉายภาพขั้นสูงนี้ เราสามารถทำการประเมินโรคได้อย่างแม่นยำ โดยยังไม่ต้องทำหัตถการที่ไม่จำเป็น ทำให้สามารถเริ่มการรักษาได้โดยเร็ว ส่งผลต่อสุขภาพหัวใจที่ดีขึ้นในระยะยาว
ผศ.นพ. พลกฤต ทีฆคีรีกุล Chief Science Officer, แพทย์เฉพาะทางโรคหัวใจและเวชศาสตร์พันธุกรรม โรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ กล่าวถึงบทบาทของเทคโนโลยีในเชิงเวชศาสตร์ป้องกันว่า Photon-counting CT ถือเป็นเทคโนโลยีที่พลิกโฉมการดูแลสุขภาพเชิงป้องกัน ช่วยให้ตรวจพบโรคได้ก่อนที่อาการจะปรากฏ ทำให้ผลลัพธ์ที่จะเกิดขึ้นกับผู้ป่วยดีขึ้นจากการรักษาที่ตรงจุดในระยะเริ่มต้น โรงพยาบาลบำรุงราษฎร์มีความภูมิใจที่ได้เป็นโรงพยาบาลแห่งแรกในประเทศไทยที่นำเทคโนโลยีล้ำสมัยนี้มาใช้ในการสร้างมาตรฐานใหม่ในการวินิจฉัยที่แม่นยำ
การนำเครื่องเอกซเรย์คอมพิวเตอร์ Photon-counting มาใช้ที่โรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ จึงสะท้อนให้เห็นถึงความมุ่งมั่นในการนำนวัตกรรมที่ทันสมัยมาปรับใช้เพื่อความปลอดภัยของผู้ป่วย และความเป็นเลิศทางการแพทย์ ในฐานะผู้นำด้านการดูแลสุขภาพระดับโลก โรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ยังคงผลักดันให้เกิดความก้าวหน้าที่ช่วยเสริมสร้างประสิทธิภาพการตรวจพบโรคในระยะเริ่มต้น การรักษาแบบเฉพาะบุคคล เพื่อส่งมอบผลลัพธ์ด้านสุขภาพที่ดีในระยะยาว และยกระดับคุณภาพชีวิตที่ดียิ่งขึ้นให้กับผู้ป่วยอย่างยั่งยืน