BOI เผยยอดลงทุนปี ’67 เกิน 1 ล้านล้านบาท เร่งปั้นไทยสู่ศูนย์กลางเทคโนโลยีขั้นสูง


นฤตม์ เทอดสถีรศักดิ์ เลขาธิการคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) เปิดเผยว่า ปี 2567 ถือเป็นปีทองของการลงทุน และเป็นโอกาสครั้งสำคัญของประเทศไทยในการสร้างฐานอุตสาหกรรมใหม่ที่จะนำไปสู่การปรับโครงสร้างเศรษฐกิจไทยในระยะยาว โดยในปี 2567 คำขอรับการส่งเสริมการลงทุนเพิ่มขึ้นอย่างมาก ทั้งจำนวนโครงการและมูลค่าเงินลงทุน โดยมีจำนวน 3,137 โครงการ เพิ่มขึ้นร้อยละ 40 เมื่อเทียบกับปีก่อน นับว่าเป็นยอดจำนวนโครงการที่สูงสุดนับตั้งแต่ก่อตั้งบีโอไอ และมีมูลค่าเงินลงทุน 1,138,508 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 35 สูงสุดในรอบ 10 ปี ตอกย้ำถึงความเชื่อมั่นของนักลงทุนที่เห็นว่าประเทศไทยมีความพร้อม ทั้งด้านโครงสร้างพื้นฐาน พื้นที่รองรับอุตสาหกรรม ไฟฟ้าที่มีความเสถียรและมีศักยภาพด้านพลังงานสะอาด บุคลากรที่มีคุณภาพ ซัพพลายเชนที่ครบวงจร ต้นทุนการประกอบธุรกิจที่เหมาะสม มาตรการสนับสนุนต่าง ๆ  ของรัฐบาล สิทธิประโยชน์และการบริการต่าง ๆ ของบีโอไอ

กลุ่มอุตสาหกรรมที่มีมูลค่าเงินลงทุนสูงสุด 5 อันดับแรก ได้แก่ กลุ่มอุตสาหกรรมดิจิทัล มูลค่า 243,308 ล้านบาท จาก 150 โครงการ ส่วนใหญ่ลงทุนใน Data Center, Cloud Service และการพัฒนาดิจิทัลคอนเทนต์ โดยบริษัทชั้นนำจากหลายประเทศ, กลุ่มอุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์และเครื่องใช้ไฟฟ้า มูลค่า 231,710 ล้านบาท จาก 407 โครงการ เช่น การผลิต PCB, ชิป, อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์อัจฉริยะ และเครื่องใช้ไฟฟ้าอัจฉริยะ, กลุ่มอุตสาหกรรมยานยนต์และชิ้นส่วน มูลค่า 102,366 ล้านบาท จาก 309 โครงการ รวมถึงการผลิตรถยนต์ EV, ICE และชิ้นส่วนยานยนต์, กลุ่มอุตสาหกรรมเกษตรและแปรรูปอาหาร มูลค่า 87,646 ล้านบาท จาก 329 โครงการ ครอบคลุมการผลิตอาหาร เครื่องดื่ม อาหารสัตว์ และบรรจุภัณฑ์จากวัสดุเกษตร และกลุ่มอุตสาหกรรมปิโตรเคมีและเคมีภัณฑ์ มูลค่า 49,061 ล้านบาท จาก 235 โครงการ เน้นการผลิตเคมีภัณฑ์ชนิดพิเศษและบรรจุภัณฑ์หลายชั้น

นอกจากนี้ ยังมีกิจการอื่นที่มีการลงทุนสูงและมีความสำคัญต่อการปรับโครงสร้างเศรษฐกิจ เช่น กิจการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียนหรือขยะ 114,484 ล้านบาท 515 โครงการ ,กิจการผลิตเครื่องจักรและอุปกรณ์ ระบบอัตโนมัติ และเครื่องจักรที่มีความแม่นยำสูง 39,162 ล้านบาท  174 โครงการ  และกิจการผลิตอุปกรณ์การแพทย์และบริการทางการแพทย์ 18,237 ล้านบาท 92 โครงการ

อย่างไรก็ตาม การขอรับส่งเสริมตามมาตรการยกระดับอุตสาหกรรม (Smart and Sustainable Industry) ซึ่งเป็นอีกหนึ่งมาตรการสำคัญที่ช่วยสนับสนุนผู้ประกอบการรายเดิมให้สามารถปรับตัวเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการผลิต ในปี 2567 มีคำขอรับการส่งเสริมจำนวน 407 โครงการ เงินลงทุนรวม 35,560 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 30 ส่วนใหญ่เป็นการลงทุนด้านการประหยัดพลังงานและการใช้พลังงานทดแทน รองลงมา คือ ด้านการปรับเปลี่ยนเครื่องจักรและการนำระบบอัตโนมัติมาใช้ในสายการผลิต

ท่ามกลางความท้าทายจากสงครามการค้าและปัญหาภูมิรัฐศาสตร์ ไทยได้พิสูจน์ความเป็นกลางและความน่าเชื่อถือในฐานะแหล่งลงทุน โดยมหาอำนาจอย่างจีนและสหรัฐฯ รวมถึงญี่ปุ่น ฮ่องกง ไต้หวัน และยุโรป เดินหน้าลงทุนในอุตสาหกรรมเทคโนโลยีขั้นสูง เช่น เซมิคอนดักเตอร์ อิเล็กทรอนิกส์ เครื่องใช้ไฟฟ้าอัจฉริยะ ดาต้าเซ็นเตอร์ ยานยนต์ไฟฟ้า และเทคโนโลยีชีวภาพ อุตสาหกรรมเหล่านี้ช่วยเพิ่มศักยภาพการแข่งขัน ปรับโครงสร้างเศรษฐกิจ สร้างมูลค่าเพิ่ม และสร้างงานและสร้างโอกาสให้ผู้ประกอบการไทย โดยโครงการในปี 2567 จะจ้างงานคนไทยกว่า 2.1 แสนคน ใช้วัตถุดิบในประเทศกว่า 1 ล้านล้านบาท และเพิ่มมูลค่าการส่งออกกว่า 2.6 ล้านล้านบาทต่อปี

นฤตม์ กล่าวว่า แนวโน้มการลงทุนในปี 2568 จะยังคงเติบโตต่อเนื่องจากปี 2567 คาดว่ายอดขอรับขอรับการส่งเสริมการลงทุนจะมีมูลค่าเกิน 1 ล้านล้านบาท โดยมีปัจจัยหนุนที่สำคัญ ได้แก่ ปัจจัยทางภูมิรัฐศาสตร์ สงครามการค้าและการกีดกันทางเทคโนโลยีที่คาดว่าจะทวีความรุนแรงยิ่งขึ้น ซึ่งจะผลักดันให้นักลงทุนต้องเร่งเคลื่อนย้ายฐานการลงทุนเพื่อลดความเสี่ยง โดยไทยมีความพร้อมและมีศักยภาพในหลาย ๆ ด้าน อีกทั้งมีความสัมพันธ์ที่ดีกับนานาประเทศ สามารถเป็นสะพานเศรษฐกิจเชื่อมโยง ซัพพลายเชนให้กับมหาอำนาจขั้วต่าง ๆ ได้ นักลงทุนจึงมองไทยเป็นแหล่งลงทุนที่มีความมั่นคงปลอดภัย และมีความโดดเด่นในภูมิภาค

สำหรับทิศทางนโยบายส่งเสริมการลงทุนในปี 2568 บีโอไอจะเดินหน้าดึงการลงทุนเพื่อสร้างฐานอุตสาหกรรมแห่งอนาคต และสนับสนุนให้ไทยเป็นศูนย์กลางอุตสาหกรรมเทคโนโลยีขั้นสูงของภูมิภาค ไม่ว่าจะเป็นยานยนต์ไฟฟ้าและชิ้นส่วนสำคัญ แบตเตอรี่ เซมิคอนดักเตอร์และอิเล็กทรอนิกส์ขั้นสูง เครื่องใช้ไฟฟ้าและอุปกรณ์อัจฉริยะ ระบบอัตโนมัติและหุ่นยนต์ ดาต้าเซ็นเตอร์และบริการคลาวด์ เทคโนโลยี AI และดิจิทัลขั้นสูง และเทคโนโลยีชีวภาพ ควบคู่ไปกับการส่งเสริมอุตสาหกรรมและบริการที่ประเทศไทยมีความเข้มแข็ง อย่างเกษตรและอาหาร พลังงานสะอาด การแพทย์และสุขภาพ การท่องเที่ยว รวมถึงกิจการศูนย์กลางธุรกิจระหว่างประเทศ ทั้งสำนักงานภูมิภาค (Regional Headquarters) ศูนย์กลางด้านโลจิสติกส์และศูนย์กระจายสินค้า และศูนย์กลางจัดซื้อจัดหาชิ้นส่วนระหว่างประเทศ

“เราต้องเสริมจุดแข็งเดิม และสร้างจุดแข็งใหม่ โดยมุ่งเน้นใน 7 ด้านสำคัญ ได้แก่ การพัฒนาบุคลากรที่มีทักษะสูงเพื่อรองรับอุตสาหกรรมเป้าหมาย เช่น เซมิคอนดักเตอร์, PCB, ดิจิทัล และ AI การจัดหาพลังงานสะอาดในราคาที่เหมาะสมเพื่อส่งเสริมการเติบโตของภาคอุตสาหกรรม การขยายพื้นที่รองรับการลงทุนในเขตเศรษฐกิจและอุตสาหกรรม การสร้าง Supply Chain ใหม่ทั้งในประเทศและจากต่างประเทศเพื่อสนับสนุนอุตสาหกรรมเป้าหมาย การเร่งขยายขอบเขต FTA เพื่อเปิดตลาดใหม่และลดการพึ่งพาตลาดเดิม การร่วมกันออกมาตรการ Qualified Refundable Tax Credit (QRTC) เพื่อบรรเทาผลกระทบจาก Global Minimum Tax และการปฏิรูปกฎระเบียบที่เป็นอุปสรรคต่อการลงทุน ทั้งหมดนี้เป็นส่วนสำคัญที่ต้องผลักดันเพื่อยกระดับขีดความสามารถของประเทศไทยในเวทีโลก” เลขาธิการคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน กล่าว

นอกจากนี้ บีโอไอยังมีภารกิจสำคัญในการร่วมขับเคลื่อนการสร้างฐานอุตสาหกรรมใหม่ของรัฐบาล ผ่านบอร์ดระดับชาติ 2 คณะ คือ คณะกรรมการนโยบายอุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์และอิเล็กทรอนิกส์ขั้นสูงแห่งชาติ (บอร์ดเซมิคอนดักเตอร์) และคณะกรรมการนโยบายยานยนต์ไฟฟ้าแห่งชาติ (บอร์ดอีวี) ซึ่งจะผนึกกำลังภาครัฐและเอกชน เพื่อสร้างฐานที่มั่นคงของทั้งสองอุตสาหกรรมนี้ ทั้งด้านการจัดทำแผนพัฒนาอุตสาหกรรม การกำหนดมาตรการสนับสนุน การพัฒนาบุคลากร การปรับปรุงกฎระเบียบต่าง ๆ ให้เอื้อต่อการลงทุน รวมถึงการสนับสนุนผู้ประกอบการไทยให้เข้าไปอยู่ในซัพพลายเชนของอุตสาหกรรมระดับโลก โดยบีโอไอให้ความสำคัญกับการส่งเสริมให้เกิดการใช้ชิ้นส่วนในประเทศ การรับช่วงการผลิต การถ่ายทอดเทคโนโลยี และการร่วมทุนกับบริษัทต่างชาติ ผ่านการจัดกิจกรรมอย่างต่อเนื่อง ไม่ว่าจะเป็นการจัดงาน SUBCON Thailand กิจกรรม Sourcing Day และการจับคู่ธุรกิจ ซึ่งในปีที่ผ่านมา มีการจับคู่ธุรกิจกว่า 9,200 คู่ คาดว่าจะเกิดมูลค่าซื้อขายชิ้นส่วนในประเทศกว่า 44,000 ล้านบาท

สำหรับการจัดโรดโชว์การลงทุนในปีนี้ บีโอไอมีแผนจัดทัพบุกประเทศเป้าหมายอย่างต่อเนื่องทั้งจีน เกาหลี ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ อินเดีย ตะวันออกกลาง สหรัฐอเมริกา และยุโรป เพื่อดึงการลงทุนอุตสาหกรรมใหม่ๆ ที่มีนวัตกรรม และเทคโนโลยีขั้นสูง รวมทั้งต่อยอดฐานอุตสาหกรรมสำคัญในประเทศไทยให้แข็งแกร่งมากยิ่งขึ้น ซึ่งจะช่วยสร้างโอกาสทางธุรกิจให้กับผู้ประกอบการไทยและขับเคลื่อนการเติบโตของเศรษฐกิจในระยะยาว


เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

Privacy Preferences

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

Allow All
Manage Consent Preferences
  • คุกกี้ที่จำเป็น
    Always Active

    คุกกี้มีความจำเป็นสำหรับการทำงานของเว็บไซต์ เพื่อให้คุณสามารถใช้ได้อย่างเป็นปกติ และเข้าชมเว็บไซต์ คุณไม่สามารถปิดการทำงานของคุกกี้นี้ในระบบเว็บไซต์ของเราได้

  • คุกกี้เพื่อการวิเคราะห์

    คุกกี้ประเภทนี้จะทำการเก็บข้อมูลการใช้งานเว็บไซต์ของคุณ เพื่อเป็นประโยชน์ในการวัดผล ปรับปรุง และพัฒนาประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ ถ้าหากท่านไม่ยินยอมให้เราใช้คุกกี้นี้ เราจะไม่สามารถวัดผล ปรังปรุงและพัฒนาเว็บไซต์ได้

Save