Aruba ESP ชูบริการแบบ Cloud-Native ช่วยให้การติดตั้งและปกป้องเครือข่ายแบบ Cloud-to-Edge เป็นอัตโนมัติ – รวดเร็วขึ้น


Aruba Central NetConductor สามารถเสริมความสามารถในการบริหารจัดการและการรักษาความมั่นคงปลอดภัยสำหรับ Network Fabrics ที่เป็นมาตรฐาน เผยก้าวใหม่ของความสามารถด้าน Location Services

กรุงเทพฯ – 5 เมษายน 2565  :Aruba บริษัทในเครือ Hewlett Packard Enterprise (NYSE: HPE) ประกาศความก้าวหน้าครั้งสำคัญของ Aruba ESP (Edge Services Platform) ที่มาพร้อมกับความสามารถใหม่ใน Aruba Central ซึ่งจะช่วยให้องค์กรสามารถตอบรับต่อความเปลี่ยนแปลงที่รวดเร็วของโจทย์ทางธุรกิจได้อย่างทันท่วงที โดยความสามารถที่เปิดตัวมาใหม่ในชื่อ Aruba Central NetConductor ทำให้องค์กรธุรกิจสามารถรวมศูนย์การบริหารจัดการระบบเครือข่ายแบบกระจายตัวได้ด้วยบริการในแบบ Cloud-Native ที่สามารถบริหารจัดการนโยบายดูแลระบบเครือข่ายได้อย่างง่ายดาย และทำการตั้งค่าระบบเครือข่ายได้ในแบบอัตโนมัติ ครอบคลุมทั้งระบบเครือข่ายแบบมีสาย, ไร้สาย และ WAN อย่างครบถ้วน 

นอกจากนี้ Central NetConductor ยังช่วยให้ระบบเครือข่ายมีความคล่องตัวมากยิ่งขึ้นในขณะที่ยังคงสามารถบังคับใช้นโยบายการรักษาความมั่นคงปลอดภัยด้วย Zero Trust และ SASE ได้ อีกทั้ง Aruba ก็ยังได้มีการเปิดตัวระบบ Access Point (AP) สำหรับใช้งานภายในอาคารที่สามารถระบุตำแหน่งของตนเองได้ด้วยการใช้ GPS ภายในตัวอุปกรณ์ร่วมกับมาตรฐาน Open Locate ซึ่งเป็นมาตรฐานกลางใหม่ของวงการสำหรับการแบ่งปันข้อมูลด้านตำแหน่งจากอุปกรณ์ AP ไปยังอุปกรณ์ที่ทำการเชื่อมต่อได้โดยตรง

การเติบโตของดิจิทัลที่ถูกขับเคลื่อนโดยการทำงานจากระยะไกลหรือการทำงานแบบไฮบริด, รูปแบบการดำเนินธุรกิจแบบใหม่ และความต้องการในการปรับปรุงประสบการณ์ของผู้ใช้งานได้ขับเน้นถึงความต้องการของระบบเครือข่ายที่ต้องมีความคล่องตัวและยืดหยุ่นยิ่งขึ้นกว่าเดิม Aruba ได้นำเสนอบริการ Cloud-Native ที่ครบถ้วนเพื่อตอบโจทย์ต่อความซับซ้อนของระบบเครือข่ายที่ผสมผสานไปด้วยสถาปัตยกรรมในหลายยุคสมัยซึ่งมีวิธีการในการดูแลรักษาและมีความท้าทายด้านความมั่นคงปลอดภัยที่แตกต่างกัน สถาปัตยกรรมแบบดั้งเดิมซึ่งอาศัย VLAN เป็นหลักนั้นต้องมีการตั้งค่าและผสานระบบด้วยตนเองเป็นหลัก ซึ่งช้าเกินกว่าที่จะปรับประยุกต์ให้ตอบโจทย์ต่อความต้องการในการเชื่อมต่อของธุรกิจได้ทัน และยังมีประเด็นด้านความมั่นคงปลอดภัยซึ่งต้องให้ความสำคัญอยู่หลายประการ

ด้านระบบเครือข่ายสมัยใหม่ที่มีความคล่องตัวนั้น ก็จะใช้แนวคิดของระบบเครือข่ายแบบ “Overlay” ซึ่งช่วยเชื่อมผสานระหว่าง VLAN ที่ถูกแบ่งเอาไว้อย่างหลากหลายเข้ากับนโยบายในแบบ Cloud-Native และบริการด้านการตั้งค่าการทำงาน ที่ทำให้ผู้ใช้งานและอุปกรณ์ต่างๆ สามารถเชื่อมต่อจากทุกที่ได้อย่างมั่นคงและปลอดภัย ช่วยให้ลูกค้าสามารถเร่งดำเนินโครงการด้านการทำ Digital Transformation ให้ประสบความสำเร็จได้อย่างรวดเร็วนี้ Central NetConductor จึงได้นำ AI มาใช้ในการบริหารจัดการและการปรับปรุงการใช้งาน สร้างกระบวนการทำงานโดยมีวัตถุประสงค์ทางธุรกิจเป็นเป้าหมายในการจัดการตั้งค่าเครือข่ายแบบอัตโนมัติ และเพิ่มขีดความสามารถในการรักษาความมั่นคงปลอดภัยชั้นนำของ Aruba ให้หลากหลายยิ่งขึ้นด้วยระบบ Network Access Control (NAC) ในแบบ Cloud-Native และการทำ Dynamic Segmentation สำหรับระบบเครือข่ายทั้งหมดรวมกัน 

ด้วย Central NetConductor ทำงานโดยอาศัยโปรโตคอลมาตรฐานที่ถูกใช้งานเป็นวงกว้างอย่างเช่น EVPN, VXLAN และ BGP โซลูชันดังกล่าวจึงถูกนำไปใช้งานได้อย่างไร้รอยต่อและต่อยอดจากการลงทุนเดิมที่ธุรกิจเคยลงทุนอยู่ก่อนได้ สามารถทำงานร่วมกับระบบเครือข่ายของ Aruba และผู้ผลิตรายอื่นๆ ที่มีอยู่เดิมได้อย่างสมบูรณ์

Maribel Lopen ผู้ก่อตั้ง Lopez Research กล่าวว่า ในโลกธุรกิจทุกวันนี้ ความยืดหยุ่นนั้นคือหัวใจสำคัญ  องค์กรนั้นต้องการที่จะเปลี่ยนแปลงเพื่อนำเสนอบริการและสิ่งใหม่ๆ สำหรับตอบรับต่อลูกค้ารายใหม่ๆ ให้ได้ในเวลาชั่วข้ามคืน เนื่องจากการที่ระบบเครือข่ายนั้นคือสิ่งที่เชื่อมต่อทุกสิ่งเข้าด้วยกัน ทั้งในส่วนการเชื่อมต่อสิ่งสำคัญถึงกันและการทำงานแบบ Data-Driven ดังนั้นระบบเครือข่ายจึงต้องมีความยืดหยุ่นเป็นคุณสมบัติที่ใช้งานได้ทันที

องค์กรในทุกวันนี้จึงควรมองหาโซลูชันที่ใช้มาตรฐานสากลที่จะทำให้เกิดความยืดหยุ่นเชิงเทคนิคและความสามารถในการปกป้องการลงทุนรวมถึงการเปิดรับต่อเทคโนโลยีใหม่ได้ตามต้องการ อีกทั้งยังต้องมีทางเลือกในการเลือกลงทุนใช้งานที่หลากหลายด้วย Maribel Lopen กล่าว

3 หัวใจหลักในการปรับปรุงระบบเครือข่ายให้ทันสมัย

ระบบเครือข่ายแบบดั้งเดิมที่มีความตายตัวนั้นไม่อาจตอบโจทย์ต่อความต้องการของธุรกิจที่กำลังเติบโตหรือสนับสนุนต่อความต้องการด้านความมั่นคงปลอดภัยที่กำลังเปลี่ยนไปได้ ดังนั้น องค์กรจึงต้องก้าวสู่กระบวนการในการปรับปรุงระบบเครือข่ายให้ทันสมัยด้วยหลักการ 3 ประการ ได้แก่ 1.Automation ปรับกระบวนการให้ง่ายและใช้การทำงานแบบอัตโนมัติโดยมี AI ขับเคลื่อนเพื่อลดเวลาและทรัพยากรที่ต้องใช้ในการวางแผน, ติดตั้ง และบริหารจัดการระบบเครือข่ายเพื่อรองรับการเชื่อมต่อใช้งานจากภายนอก, จากสาขา, จากภายในองค์กร และจาก Cloud 2.Security เพิ่มความสามารถในการตรวจจับและยับยั้งภัยคุกคามด้วยระบบควบคุมการเข้าถึงเครือข่ายตามตัวตนของผู้ใช้งาน และการทำ Dynamic Segmentation ที่เป็นพื้นฐานสำหรับการใช้เฟรมเวิร์ค Zero Trust และ SASE และ3.Agility: สถาปัตยกรรมรวมศูนย์ในแบบ Cloud-Native ที่ใช้เทคโนโลยีตามมาตรฐานสากล เพื่อให้การลงทุนเกิดความคุ้มค่าในการใช้งานและเริ่มต้นได้ง่ายด้วยการคิดค่าใช้จ่ายตามการใช้งานแบบ NaaS ให้เหมาะสมต่องบประมาณและทรัพยากรบุคคล

Aruba Central NetConductor สามารถเร่งการติดตั้งใช้งาน, การบริหารจัดการ และการปกป้องระบบเครือข่ายสมัยใหม่ในแบบ Fabric ได้ด้วยการนำความสามารถที่มีอยู่เข้ามาตอบโจทย์ต่อหลักการทั้ง 3:ประการ ดังนี้ 1.Automation กระบวนการทำงานโดยยึดวัตถุประสงค์เป็นหลักซึ่งสามารถกำหนดการเชื่อมต่อและนโยบายการรักษาความมั่นคงปลอดภัยแบบอัตโนมัติได้ด้วย “การคลิกเพียงครั้งเดียว” 2.Security การควบคุมการเข้าถึงเครือข่ายตามบทบาทของผู้ใช้งานสามารถเสริมการทำ Dynamic Segmentation สำหรับการบังคับใช้นโยบายด้านความมั่นคงปลอดภัยในแบบ Zero Trust และ SASE ได้ และ 3.Agility บริการแบบ Cloud-Native สำหรับการตรวจสอบและควบคุมจากศูนย์กลาง โดยใช้เทคโนโลยีมาตรฐานสากลเพื่อให้ง่ายต่อการย้ายระบบและการเปิดรับเทคโนโลยีใหม่โดยยังคงต่อยอดจากการลงทุนที่มีอยู่เดิมได้

นวัตกรรมที่หลากหลายสำหรับบริการข้อมูลตำแหน่งภายในอาคาร

การติดตั้ง WLAN AP ยังคงเป็นขั้นตอนที่ธุรกิจต้องทำด้วยตนเองซึ่งต้องใช้เวลา, เกิดความผิดพลาด และมีผลลัพธ์ที่ไม่น่าเชื่อถือเพียงพอสำหรับการใช้งานแอปพลิเคชันที่ต้องอาศัยข้อมูลด้านตำแหน่งและสถานที่ เพื่อตอบโจทย์เหล่านี้ Aruba จึงได้เปิดตัว AP ภายในอาคารระบบแรกที่สามารถระบุข้อมูลตำแหน่งของตนเองได้เพื่อให้การรับข้อมูลด้านตำแหน่งภายในอาคารมีความแม่นยำ และสามารถส่งข้อมูลนี้ไปยังอุปกรณ์หรือแอปพลิเคชันที่เชื่อมต่ออยู่ได้

Aruba Wi-Fi 6 AP และ Wi-Fi 6E AP ได้ผสมผสานทั้งระบบรับสัญญาณ GPS, การรองรับ Wi-Fi Location อย่างแม่นยำ และซอฟต์แวร์ที่ชาญฉลาด เพื่อให้สามารถทำการติดตั้งระบบ WLAN ได้อย่างแม่นยำและเป็นอัตโนมัติ ซึ่ง WLAN AP ที่สามารถระบุตำแหน่งสถานที่ได้ด้วยตนเองของ Aruba นี้ก็จะทำการวิเคราะห์ตำแหน่งที่ติดตั้งของ AP โดยอัตโนมัติ โดยมีการตรวจสอบและอัปเดตข้อมูลตำแหน่งอย่างต่อเนื่อง รวมถึงมีการนำเสนอข้อมูลพิกัดตำแหน่งเพื่อนำไปแสดงบนแผนที่อาคารหรือระบบแผนที่บนเว็บไซต์ได้

ข้อมูลตำแหน่งที่แม่นยำของระบบโครงสร้างพื้นฐานทางด้าน WLAN นี้จะสร้างตำแหน่งอ้างอิงที่สามารถนำไปแบ่งปันให้กับระบบอื่นได้ผ่านทาง Open Locate โดยธุรกิจสามารถใช้ข้อมูลพิกัดสากลและข้อมูลตำแหน่งอ้างอิงนี้ของ AP ภายในอาคารที่ระบุตำแหน่งสถานที่ของตนเองได้จาก Aruba เพื่อนำไปพัฒนาและปรับปรุงระบบติดตั้งทรัพย์สิน, ระบบด้านความปลอดภัยและการบังคับตามข้อกำหนด, การวางแผนภายในอาคาร, แอปพลิเคชันเสริมประสบการณ์การใช้สถานที่ และบริการอื่นๆ ที่ต้องอาศัยข้อมูลด้านสถานที่ภายในอาคาร

“ข้อมูลตำแหน่งสถานที่นี้ถือเป็นหัวใจสำคัญในการส่งมอบประสบการณ์ของหลายระบบแอปพลิเคชัน และการมีข้อมูลตำแหน่งภายในอาคารที่แม่นยำก็จะสามารถสร้างให้เกิดกรณีการใช้งานใหม่ๆ ภายในองค์กรได้อย่างหลากหลาย” คุณ Sean Ginevan หัวหน้าฝ่าย Global Strategy and Digital Partnerships for Android Enterprise แห่ง Google กล่าว “ด้วย Android 10 ทาง Google จึงเป็นบริษัทแรกที่สามารถสนับสนุน Wi-Fi RTT สำหรับการระบุตำแหน่งภายในอาคารของอุปกรณ์พกพาได้อย่างแม่นยำ ระบบโครงสร้างพื้นฐานทางด้านเครือข่ายของ Aruba ที่สามารถระบุตำแหน่งพิกัดและการริเริ่มโครงการ Open Locate ก็จะช่วยให้วิสัยทัศน์ด้านความแม่นยำของข้อมูลตำแหน่งภายในอาคารชัดเจนยิ่งขึ้นสำหรับชุมชนนักพัฒนาของเรา และช่วยให้การติดตั้งระบบเครือข่ายเหล่านี้ในขนาดใหญ่เป็นไปได้อย่างง่ายดายยิ่งขึ้น เราตั้งตารอที่จะเห็นนักพัฒนาสร้างสรรค์สิ่งใหม่ๆ ขึ้นจากสิ่งเหล่านี้เป็นอย่างยิ่ง”

 

David Hughes ,  Chief Technology and Product Officer ของ Aruba บริษัทในเครือ Hewlett Packard Enterprise กล่าวว่า องค์กรได้แสดงให้เห็นถึงความยืดหยุ่นเป็นอย่างมากท่ามกลางการเปลี่ยนแปลงทางธุรกิจครั้งใหญ่ที่หลากหลายภายในช่วงเวลา 2 ปีที่ผ่านมา และก็เป็นที่ชัดเจนแล้วว่าความคล่องตัวของธุรกิจนั้นได้กลายเป็นหัวใจสำคัญของลูกค้าของเรา

เทคโนโลยีล้ำสมัยที่ได้ถูกเปิดตัวในวันนี้จะช่วยให้ลูกค้าของเราเปลี่ยนแปลงจากสิ่งที่เป็นอยู่ไปสู่การทำงานแบบ ‘Service Orientation’ ด้วยการใช้โซลูชันซึ่งขับเคลื่อนด้วย AI และเสริมความมั่นคงปลอดภัย พร้อมเร่งความเร็วในการมุ่งไปสู่สถาปัตยกรรมเครือข่ายแบบ Cloud-Centric ได้อย่างรวดเร็วยิ่งขึ้น ซึ่งสิ่งเหล่านี้ล้วนเป็นปัจจัยสำคัญต่อระบบเครือข่ายที่ทันสมัยทั้งสิ้น David Hughes กล่าว

โซลูชันเหล่านี้พร้อมให้ใช้งานได้ทั้งในรูปแบบของการจัดซื้อและติดตั้งใช้งานแบบดั้งเดิม และการให้บริการผ่าน HPE GreenLake for Aruba ทำให้ลูกค้ามีความยืดหยุ่นอย่างสูงสุดในการปรับความต้องการด้านระบบเครือข่ายให้สอดคล้องต่อความต้องการทางธุรกิจ โดยการปรับปรุงล่าสุดให้กับ HPE GreenLake for Aruba Network as a Service (NaaS) ก็ได้รวมการออกแบบที่เป็นมาตรฐานด้วยกัน 8 รายการซึ่งอ้างอิงจากกรณีการใช้งานระบบเครือข่ายในองค์กรที่ได้รับความนิยม เพื่อให้มีความง่ายดายมากยิ่งขึ้นและเร่งความคุ้มค่าในการลงทุนสำหรับการติดตั้งในแบบ NaaS ให้มากยิ่งขึ้น


เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

Privacy Preferences

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

Allow All
Manage Consent Preferences
  • คุกกี้ที่จำเป็น
    Always Active

    คุกกี้มีความจำเป็นสำหรับการทำงานของเว็บไซต์ เพื่อให้คุณสามารถใช้ได้อย่างเป็นปกติ และเข้าชมเว็บไซต์ คุณไม่สามารถปิดการทำงานของคุกกี้นี้ในระบบเว็บไซต์ของเราได้

  • คุกกี้เพื่อการวิเคราะห์

    คุกกี้ประเภทนี้จะทำการเก็บข้อมูลการใช้งานเว็บไซต์ของคุณ เพื่อเป็นประโยชน์ในการวัดผล ปรับปรุง และพัฒนาประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ ถ้าหากท่านไม่ยินยอมให้เราใช้คุกกี้นี้ เราจะไม่สามารถวัดผล ปรังปรุงและพัฒนาเว็บไซต์ได้

Save