“ArcGIS” เสริมศักยภาพทีมกู้ภัยเหตุอาคารถล่ม สตง. สร้างแผนที่ 3 มิติ ภายใน 2 ชั่วโมง เคลียร์ซากอาคารถล่มกว่า 40,000 ตัน


บริษัท อีเอสอาร์ไอ (ประเทศไทย) จำกัด ผู้นำด้าน Location Intelligence ในกลุ่มบริษัทซีจีดี จัดงาน Thailand User Conference (TUC2025) ครั้งที่ 29 งานสัมมนาเทคโนโลยีภูมิสารสนเทศ (GIS) ที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย ภายใต้แนวคิด “GIS – Integrating Everything, Everywhere” คิด-เชื่อม-เปลี่ยน ด้วยพลังข้อมูล เพื่อแสดงศักยภาพของเทคโนโลยี GIS ในการบูรณาการข้อมูลจากหลากหลายแหล่ง และสนับสนุนการตัดสินใจเชิงกลยุทธ์ในภาคส่วนสำคัญ ทั้งการบริหารเมือง การรับมือภัยพิบัติ พลังงาน การขนส่ง สาธารณสุข และสิ่งแวดล้อม

หนึ่งในไฮไลท์สำคัญของงานในปีนี้คือ การสาธิตภารกิจวิเคราะห์เหตุการณ์อาคารถล่ม จากสถานการณ์จริงของ สำนักงานการตรวจแผ่นดิน (สตง.) ที่ได้รับผลกระทบจากเหตุแผ่นดินไหว ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงศักยภาพของ GIS ในการวิเคราะห์เชิงลึกและสนับสนุนการจัดการเหตุการณ์วิกฤตอย่างมีประสิทธิภาพ

คณพล อินทร์สำอาง วิศวกรโซลูชันด้านการบินและภูมิสารสนเทศ บริษัท อีเอสอาร์ไอ (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยว่า หน่วยกู้ภัยของกองทัพอิสราเอล (IDF Search and Rescue Brigade) ซึ่งเป็นหนึ่งในเครือข่าย CSAR (Combat Search and Rescue) สามารถเข้าถึงพื้นที่ประสบเหตุได้ภายใน 48 ชั่วโมง พร้อมอุปกรณ์ ความเชี่ยวชาญ และเทคโนโลยีทันสมัย โดยในภารกิจช่วยเหลือเหตุอาคารสำนักงานตรวจเงินแผ่นดินสูง 30 ชั้นที่พังถล่มจนเหลือซากสูงราว 23 เมตร หรือเทียบเท่าอาคาร 8 ชั้น ด้วยเทคโนโลยี ArcGIS ตั้งแต่การบินโดรนเก็บภาพ การประมวลผลบนคลาวด์ ไปจนถึงการสร้างแพลตฟอร์มกลางรวบรวมข้อมูลจากทุกหน่วยงานและแสดงผลเป็นแผนที่สามมิติ เพื่อระบุจุดปฏิบัติการได้แม่นยำ ลดความเสี่ยง และเพิ่มความรวดเร็วในการตัดสินใจ

การมีแผนที่ที่อัปเดตอย่างต่อเนื่องจึงถือเป็นข้อมูลพื้นฐานสำคัญในการกู้ภัย เนื่องจากพื้นที่ประสบเหตุเป็นเขตเสี่ยง โครงสร้างไม่มั่นคง และสภาพเปลี่ยนแปลงทุกวัน โดยใช้ระบบ Site Scan for ArcGIS ในการอัปโหลดภาพถ่ายจากโดรนวันละราว 100 ภาพ ผ่านเว็บเบราว์เซอร์เข้าสู่ระบบคลาวด์ จากนั้นปรับแก้พิกัดและประมวลผลภายในไม่ถึง 2 ชั่วโมง เพื่อสร้างแผนที่ภาพถ่าย ออร์โธโฟโต้ โมเดลสามมิติ และพอยต์คลาวด์ที่สามารถดูรายละเอียดภูมิประเทศได้จากหลายมุมมอง

ทั้งนี้ ข้อมูลที่ได้ยังรวมถึง Digital Surface Model (DSM) และ Digital Terrain Model (DTM) ซึ่งแสดงความสูง–ต่ำของพื้นที่ ใช้วิเคราะห์ความชัน เส้นทางปลอดภัย เขตเสี่ยง จุดติดตั้งอุปกรณ์ รวมถึงวัดพื้นที่และปริมาตรของซากอาคารได้อย่างแม่นยำ ข้อมูลทั้งหมดถูกจัดเก็บตามไทม์ไลน์ ทำให้ติดตามความคืบหน้าการรื้อถอนและการเคลียร์พื้นที่ได้อย่างชัดเจน พร้อมประเมินงานคงเหลือได้ทันที

นอกจากนี้ Site Scan ยังช่วยวิเคราะห์การเปลี่ยนแปลงของปริมาตรพื้นที่ในรูปแบบสามมิติ เปรียบเทียบรายวัน และสร้างรายงานเพื่อติดตามผลการทำงาน สนับสนุนการวางแผนทรัพยากรและขั้นตอนปฏิบัติการของทีมรื้อถอนและกู้ภัยอย่างมีประสิทธิภาพ
“ตลอด 37 วันของการปฏิบัติภารกิจกู้ซากอาคาร สตง. มีการเก็บภาพถ่ายกว่า 5,000 ภาพ และสร้างแผนที่สองและสามมิติบนคลาวด์ ซึ่งช่วยให้ทุกภาคส่วนมองเห็นการเปลี่ยนแปลงของพื้นที่ได้อย่างชัดเจน ตั้งแต่การค้นหาและช่วยเหลือผู้ประสบภัยไปจนถึงการจัดการพื้นที่หลังเหตุการณ์” คณพล กล่าว

ด้านเขมพัทธ์ วัฒนา ผู้จัดการฝ่ายพัฒนาและดูแลระบบแอปพลิเคชันองค์กร บริษัท อีเอสอาร์ไอ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า ความท้าทายหน้างานไม่ใช่แค่ซากปรักหักพัง แต่คือความไม่รู้ ทั้งจำนวนผู้ประสบภัยที่แท้จริง ความมั่นคงของโครงสร้าง และตำแหน่งผู้สูญหายที่ยังไม่ชัดเจน สภาพพื้นที่ซับซ้อนและเปลี่ยนแปลงต่อเนื่องทำให้ต้องพึ่งเทคโนโลยีช่วยวางแผนและสื่อสารข้อมูลอย่างแม่นยำ ทีมงานจึงพัฒนาเว็บแอปพลิเคชันบน ArcGIS Online เพื่อสนับสนุนการปฏิบัติการ โดยแบ่งพื้นที่เสียหายออกเป็นโซนด้วยกริดขนาดใหญ่และเล็ก กำหนดพิกัดชัดเจนและทับซ้อนบนภาพถ่ายและโมเดลสามมิติ แม้ซากอาคารจะถูกเคลื่อนย้ายทุกวัน กรอบโซนยังคงเป็นจุดอ้างอิงเดิม ทำให้การวางแผนและสื่อสารงานดำเนินไปได้อย่างแม่นยำ

ภารกิจค้นหาและคาดการณ์ตำแหน่งผู้สูญหาย ใช้การวิเคราะห์เศษซากเทียบแบบแปลนอาคารโดยสถาปนิกและวิศวกร ร่วมกับการตรวจสอบข้อมูลลงทะเบียนคนงานและคำให้การพยาน เพื่อประเมินจุดที่น่าจะมีผู้ติดค้าง แอปพลิเคชันรองรับการทำงานแบบ Responsive ให้เจ้าหน้าที่ภาคสนามบันทึกและค้นหาข้อมูลผ่านสมาร์ทโฟนได้ทันที โดยเชื่อมกับคลาวด์และระบบเดียวกับที่ใช้บนคอมพิวเตอร์ ทำให้สามารถดูระดับความสูง แยกภาพ และอัปเดตข้อมูลแบบเรียลไทม์
อีกหนึ่งงานสำคัญคือการติดตามการขนย้ายซากอาคารและการเคลียร์พื้นที่ ผ่านการเพิ่มชั้นข้อมูลเฉดสีใน ArcGIS Experience Builder เพื่อแสดงการเปลี่ยนแปลงรายวันของซากคอนกรีตและเศษเหล็กหนักกว่า 40,000 ตัน ที่ซ้อนทับกัน ข้อมูลเหล่านี้ช่วยให้ผู้บัญชาการเหตุการณ์มองเห็นความคืบหน้า จัดลำดับความสำคัญ และวางแผนใช้เครื่องจักรได้อย่างแม่นยำ

การสาธิตภารกิจกู้ภัยครั้งนี้ไม่เพียงตอกย้ำศักยภาพของเทคโนโลยี ArcGIS ในการบูรณาการข้อมูลจากหลายแหล่งเพื่อสนับสนุนการตัดสินใจเชิงกลยุทธ์เท่านั้น แต่ยังสะท้อนบทบาทสำคัญของ Esri Thailand ในการผลักดันการใช้ประโยชน์จากภูมิสารสนเทศในสถานการณ์จริง ทั้งการบริหารจัดการภัยพิบัติ การวางผังเมือง พลังงาน การขนส่ง และสาธารณสุข เพื่อการเชื่อมโยงทุกข้อมูลและทุกภาคส่วน เข้าด้วยกันเพื่อสร้างความปลอดภัยและความยั่งยืนให้แก่สังคมในอนาคต