HAPI ชู 3 สุดยอดนวัตกรรมเด่นจากญี่ปุ่น ฟิลิปปินส์ และไทย ช่วยผู้สูงวัยคลายเหงา สุขภาพดี และใช้เทคโนโลยีเป็น


ศูนย์แลกเปลี่ยนระหว่างประเทศแห่งญี่ปุ่น Japan Center for International Exchange (JCIE) และสถาบันวิจัยเศรษฐกิจเพื่ออาเซียนและเอเชียตะวันออก Economic Research Institute for ASEAN and East Asia (ERIA) จัดพิธีมอบรางวัล ‘นวัตกรรมแห่งเอเชียเพื่อผู้สูงวัยสุขภาพดี’ Healthy Aging Prize for Asian Innovation (HAPI) เพื่อเป็นเกียรติแก่ผู้สร้างสรรค์และเผยแพร่นวัตกรรมจากประเทศญี่ปุ่น ฟิลิปปินส์ ไทย เกาหลีใต้ และมาเลเซีย โดยมอบรางวัลแก่ผลงานอันเป็นเลิศที่ตอบโจทย์ความท้าทายของสังคมสูงวัยในภูมิภาคอาเซียนและเอเชียตะวันออก

การแข่งขัน HAPI ประจำปี 2567 จัดขึ้นเป็นครั้งที่ 4 ได้รับใบสมัครจาก 12 ประเทศและภูมิภาคต่าง ๆ ในเอเชียตะวันออกและเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ซึ่งนับเป็นปีที่มีผู้เข้าร่วมแข่งขันมากที่สุด โดยรางวัลเชิดชูเกียรตินวัตกรรมใน 3 สาขา ได้แก่ เทคโนโลยีและนวัตกรรม โครงการเพื่อชุมชน และการส่งเสริมการพึ่งพาตนเอง

อิซาโอะ คาโนะ ประธานกรรมการและประธานเจ้าหน้าที่บริหารศูนย์แลกเปลี่ยนระหว่างประเทศแห่งญี่ปุ่น (JCIE) กล่าวว่า การเพิ่มขึ้นของประชากรสูงวัยในภูมิภาคอาเซียนและเอเชียตะวันออกสะท้อนถึงพัฒนาการเชิงบวก และแสดงให้เห็นถึงความสำเร็จของโครงการส่งเสริมสุขภาพและความเป็นอยู่ที่ดีในภูมิภาค แม้การดูแลประชากรสูงวัยจะมีความท้าทาย แต่การที่จำนวนประชากรสูงวัยเพิ่มขึ้นนับว่าเป็นสัญญาณที่ดีที่แสดงว่าผู้คนมีอายุยืนยาวขึ้น มีสุขภาพดีขึ้น และมีชีวิตที่มีคุณค่ามากขึ้น

สำหรับผู้ชนะเลิศรางวัล HAPI ประจำปี 2567 สร้างสรรค์และพัฒนาหลากหลายแนวทางในการส่งเสริมสังคมสูงวัยสุขภาพดี ประกอบด้วย สาขาเทคโนโลยีและนวัตกรรม ได้แก่ Nurse & Craft ญี่ปุ่น พัฒนาโครงการดูแลผู้สูงอายุที่บ้านเพื่อการฟื้นฟูเมือง ‘Home Nursing to Regenerate the Town’ ซึ่งผสมผสานการให้บริการด้านสุขภาพเข้ากับการฟื้นฟูชุมชน,สาขาโครงการเพื่อชุมชน ได้แก่ Padyarescue Inc. ฟิลิปปินส์ พัฒนาโครงการ Go Bike Project ในโปรแกรม Ronda Kalusugan นำเสนอนวัตกรรมในการให้บริการด้านสุขภาพชุมชนและสาขาการส่งเสริมการพึ่งพาตนเอง ได้แก่ วิทยาลัยการศึกษาตลอดชีวิต มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ประเทศไทย พัฒนา MEDEE โครงการเสริมสร้างทักษะการทำงานสำหรับผู้สูงวัยในยุคดิจิทัล เพื่อตอบสนองความจำเป็นในการส่งเสริมการเข้าถึงดิจิทัลสำหรับผู้สูงวัย

“การแข่งขันทำให้เราเห็นถึงปัญหาต่าง ๆ ที่ต้องได้รับการแก้ไข ซึ่งผู้ชนะเลิศรางวัล HAPI นำเสนอแนวทางในการจัดการกับปัญหาและความท้าทายดังกล่าว ทั้งเรื่องของที่อยู่อาศัยและด้านอื่น ๆ ซึ่งจะช่วยให้ผู้สูงวัยสามารถใช้ชีวิตในบ้านของตนเองหรือสถานที่ที่พวกเขาเลือกเองได้ ประเด็นสำคัญอีกประการหนึ่งคือ การสร้างหลักประกันว่าประเทศที่เข้าสู่สังคมสูงวัยมีความพร้อมในเรื่องของบุคลากรผู้ดูแลผู้สูงอายุที่ผ่านการฝึกอบรมมาอย่างดี พร้อมทั้งให้การยอมรับความสำคัญในการทำงานของผู้ดูแลแบบไม่เป็นทางการซึ่งก็คือ สมาชิกในครอบครัว นอกจากนี้ เรายังเล็งเห็นถึงความจำเป็นในการแก้ไขปัญหาสังคมที่เกิดจากการที่ประชากรมีอายุมากขึ้น เช่น การป้องกันการแยกตัวจากสังคม และความท้าทายที่เกิดจากการลดลงของประชากร โดยเฉพาะในพื้นที่ชนบท” อิซาโอะ คาโนะ กล่าว

ทั้งนี้ HAPI ให้ความสำคัญกับประเด็นหลากหลายในการรับมือกับสังคมสูงวัย รวมถึงแนวทางแก้ไขปัญหาเรื่องที่อยู่อาศัยที่ช่วยให้ผู้สูงวัยสามารถใช้ชีวิตในสถานที่ที่ต้องการ การพัฒนาบุคลากรผู้ดูแลที่มีการฝึกอบรมอย่างดี การสนับสนุนผู้ดูแลแบบไม่เป็นทางการ และการป้องกันการแยกตัวจากสังคม โดยเฉพาะในพื้นที่ชนบท โดยตระหนักว่าประชากรสูงวัยเป็นเรื่องของสังคมส่วนรวมที่ต้องอาศัยความร่วมมือระหว่างภาคส่วนและระหว่างวัย

ฮิโรยูกิ ฟูกาซาวะ กรรมการผู้จัดการ บริษัท Nurse & Craft ประเทศญี่ปุ่น ผู้ชนะเลิศสาขาเทคโนโลยีและนวัตกรรม กล่าวว่า โครงการนี้เริ่มต้นจากปัญหาในพื้นที่ชนบทของญี่ปุ่น ที่แม้ว่าจะมีบริการทางการแพทย์และการดูแลผู้สูงอายุ ก็ไม่ได้หมายความว่าทุกคนจะมีความสุข แต่การมีความสัมพันธ์ที่ดีระหว่างผู้คนก็เป็นสิ่งจำเป็นสำหรับชีวิตที่มีความสุขเช่นกัน ผลคือผู้สูงอายุจำนวนมากต้องอยู่ตามลำพัง ซึ่งความเหงาถือเป็นเหตุผลหนึ่งที่ทำให้คนมีความเสี่ยงที่จะเจ็บป่วยได้ ไม่ว่าจะทางกายหรือจิตใจก็ตาม ปัจจุบันญี่ปุ่นก้าวเข้าสู่สังคมสูงวัยขั้นสุด (Super-aged society) ซึ่งหมายความว่ามีผู้สูงอายุจำนวนมากที่มีอายุยืนยาวและอยู่กับความพิการ อย่างไรก็ตาม การระบาดของโควิด-19 ทำให้ปัญหาความเหงารุนแรงขึ้น แต่ในขณะเดียวกันก็กระตุ้นให้ระบบการดูแลสุขภาพพัฒนาไปด้วย ธุรกิจของเราเติบโตอย่างรวดเร็วในช่วงโควิด-19 และตอนนี้เรามีโมเดลที่ช่วยลดความเหงา ป้องกันการเจ็บป่วย และช่วยให้ผู้สูงอายุสามารถอยู่ในชุมชนของตนเองได้จนถึงวาระสุดท้ายของชีวิต โมเดลนี้ยังช่วยสนับสนุนเศรษฐกิจท้องถิ่น ผ่าน 3 บริการหลัก ดังนี้

  1. บริการพยาบาลที่บ้าน เพื่อให้บริการดูแลทางการแพทย์ พร้อมทั้งจัดกิจกรรมทางสังคม เช่น มื้ออาหารร่วมกัน และรายการโทรทัศน์  และได้ร่วมมือกับรัฐบาลเพื่อพัฒนาวิธีการดูแลระยะสุดท้ายทางไกล
  2. บริการดูแลสุขภาพStartWellซึ่งเป็นบริการดูแลสุขภาพที่ใช้ IoT และ AI ในการป้องกันโรค โดยพนักงานของเราจะไปเยี่ยมบ้านของผู้ใช้บริการเดือนละครั้ง ให้คำแนะนำด้านสุขภาพและพูดคุยกับกลุ่มผู้สูงอายุเพื่อลดความกังวลเกี่ยวกับสุขภาพ ผลลัพธ์ที่ได้คือทำให้ผู้สูงอายุที่อาศัยอยู่ตามลำพังสามารถใช้ชีวิตได้อย่างอิสระ และจำนวนการยกเลิกบริการของพวกเขาเป็นศูนย์ กลุ่มเป้าหมายหลักของบริการนี้คือผู้สูงอายุที่ยังไม่ได้ใช้ระบบประกันการดูแลระยะยาวของรัฐบาล โดยเรามุ่งเน้นที่จะช่วยให้พวกเขามีอายุขัยที่แข็งแรงยาวนานขึ้น ซึ่งจะช่วยให้ญี่ปุ่นสามารถรักษาความยั่งยืนทางประชากรได้
  3. บริการเพื่อสุขภาพและการพัฒนาบุคลากรทางการแพทย์ ในการจัดคอร์สฟื้นฟูสำหรับบุคลากรทางการแพทย์ ไปเยี่ยมสถานพยาบาลในชนบท ศึกษาบริการทางการแพทย์ขั้นสูง และทำกิจกรรมร่วมกับชาวบ้าน เป้าหมายคือช่วยให้บุคลากรทางการแพทย์ฟื้นตัวจากความเครียด และสร้างความเชื่อมโยงกับชุมชน

“ประชากรของญี่ปุ่นกำลังลดลง ดังนั้นเราจำเป็นต้องส่งเสริมความร่วมมือกับแรงงานมากขึ้น เราวางแผนที่จะเก็บรวบรวมข้อมูลเพิ่มเติม เช่น งานอดิเรกและกิจกรรมทางสังคม เพื่อทำความเข้าใจปัญหาความเหงาและภาวะซึมเศร้าให้ดียิ่งขึ้นเรามุ่งหวังที่จะพัฒนาและยกระดับงานของเจ้าหน้าที่ที่ออกเยี่ยมเยียน พร้อมทั้งทำให้สามารถให้เงินอุดหนุนได้แม้แต่กับบุคลากรที่ไม่ใช่ผู้เชี่ยวชาญ งานของเราไม่ได้จำกัดอยู่แค่ที่โอซาก้า-ชิโมจิมะหรือเกาะแห่งนี้เท่านั้น แต่เราวางแผนที่จะขยายไปยังฟิลิปปินส์ต่อในอนาคต เพื่อสร้างสังคมที่ทุกคนสามารถพูดได้ว่า “การมีชีวิตถึง 100 ปี เป็นการเดินทางที่ยอดเยี่ยม คำว่า “สังคมสูงวัยขั้นสุด” (super-aged society) ฟังดูเหมือนเป็นปัญหาเชิงลบ แต่เรามองว่ามันสามารถเปลี่ยนเป็น “สังคมแห่งอายุยืนอย่างมีคุณภาพ” (positive longevity society) ได้” ฮิโรยูกิ กล่าว

เอ็ดเรน ลลานิลโล กรรมการบริหาร บริษัท  Padyarescue  ประเทศฟิลิปปินส์ ผู้ชนะเลิศสาขาโครงการเพื่อชุมชน กล่าวว่า จักรยานที่ติดตั้งเครื่องวัดความดันโลหิตและอุปกรณ์ตรวจระดับน้ำตาลในเลือดแบบสุ่ม ออกตระเวนให้บริการดูแลสุขภาพขั้นพื้นฐานแก่ชุมชน เช่น การวัดความดันโลหิตและการตรวจระดับน้ำตาลในเลือดแบบสุ่ม อย่างที่คุณเห็นบนหน้าจอ ผู้ที่มีค่าระดับสูงจะได้รับคำแนะนำทันทีและถูกส่งต่อให้ผู้เชี่ยวชาญทางการแพทย์เพื่อรับการดูแลเพิ่มเติม เจ้าหน้าที่ภาคสนามของเรายังได้รับการประกันพื้นฐานและอุปกรณ์ป้องกันส่วนบุคคล (PPE) เพื่อให้แน่ใจว่าพวกเขาปฏิบัติงานได้อย่างปลอดภัย นอกจากนี้ เรายังมีระบบแรงจูงใจและระบบบริหารจัดการความขัดแย้ง เพื่อสร้างความมุ่งมั่น ความสัมพันธ์ในการทำงานที่ราบรื่นระหว่างอาสาสมัครและเจ้าหน้าที่และเพื่อให้โครงการมีความยั่งยืน

“โครงการ Go Bike Project และ Ronda Kalusugan Program ไม่ได้เป็นเพียงแค่การให้บริการฉุกเฉินหรือบริการทางการแพทย์เท่านั้น แต่คือการป้องกัน การให้ความรู้ และการสร้างวัฒนธรรมแห่งการดูแลซึ่งกันและกันในชุมชนตลอดโครงการนี้เราได้ฝึกอบรมและรับรอง เจ้าหน้าที่ปั่นจักรยานให้บริการทางการแพทย์ (Go-Bikers) จำนวน 2,186 คน และผลิตจักรยานให้บริการทางการแพทย์ 179 คัน รวมถึง ขยายโครงการไปยัง 45 ชุมชนและหมู่บ้าน และสามารถเข้าถึงประชากร 59,550 คน ที่จังหวัดปังกาซินัน ประเทศฟิลิปปินส์ เหนือกว่าตัวเลข คือชีวิตของผู้คนที่เราได้สัมผัสคือเยาวชนที่ได้รับแรงบันดาลใจให้มุ่งสู่สายงานสาธารณสุขและคือชุมชนที่ได้รับพลังในการดูแลสุขภาพของตนเอง” เอ็ดเรน กล่าว

รองศาสตราจารย์ ดร. นัทธี สุรีย์ อาจารย์ภาควิชาเคมี มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ผู้ชนะเลิศสาขาการส่งเสริมการพึ่งพาตนเอง กล่าวว่า ประเทศไทยกำลังก้าวสู่ความมั่งคั่ง แต่มีปัญหาสำคัญคือผู้สูงอายุจำนวนมากขาดทักษะที่จำเป็นในยุคดิจิทัล ทำให้พวกเขาหาเลี้ยงชีพได้ยาก และยังมีผู้สูงอายุหลายคนขาดความรู้ด้านเทคโนโลยี ไม่สามารถเข้าถึงการเรียนรู้ออนไลน์ที่ซับซ้อนได้ และบางคนถึงกับต้องจดเบอร์โทรศัพท์ของตัวเองไว้หลังโทรศัพท์ เพราะใช้งานเทคโนโลยีไม่คล่อง สิ่งนี้ก่อให้เกิดช่องว่างทางเทคโนโลยีที่สำคัญ เพื่อลดปัญหานี้เราจึงแพลตฟอร์มการเรียนรู้ที่ใช้แอปพลิเคชัน LINE  เพื่อให้บริการคลิปสอนที่เข้าใจง่ายและสนุก พร้อมแบบทดสอบและใบรับรอง อีกทั้งยังช่วยให้ผู้สูงอายุเริ่มต้นธุรกิจออนไลน์ สามารถพูดคุยกับโค้ชผ่านแชต และสำรวจตลาดเพื่อขายสินค้า โดยปัจจุบันเรามีหลักสูตรกว่า 30 คอร์ส ครอบคลุมเรื่องเทคโนโลยี ทักษะอาชีพ และสุขภาพ ที่สำคัญ หลักสูตรหลายหลักสูตรถูกสร้างขึ้นโดยผู้สูงอายุเอง เช่น การไลฟ์สดขายของบน TikTok และการป้องกันตัวเองจากมิจฉาชีพทางการเงิน

MEDEE ได้สร้างเครือข่ายโรงเรียนผู้สูงอายุและโค้ชกว่า 1,000 คน พร้อมร่วมมือกับโรงเรียนผู้สูงอายุ 2,500 แห่งทั่วประเทศ เพื่อสร้างระบบการเรียนรู้ที่ผสมผสานความสะดวกของออนไลน์เข้ากับการสนับสนุนจากชุมชน ความสำเร็จที่โดดเด่นคือการมีครูฝึก  กว่า 1,000 คน ซึ่งหลายคนเป็นผู้สูงอายุที่ช่วยถ่ายทอดความรู้ สร้างความไว้วางใจ และพิสูจน์ว่าอายุไม่ใช่อุปสรรคในการเปลี่ยนแปลง ซึ่งผลลัพธ์ที่เกิดขึ้นคือ ผู้สูงอายุที่เคยลังเลกับเทคโนโลยี กลายเป็นเจ้าของธุรกิจออนไลน์ หลายคนที่เคยตกเป็นเหยื่อของมิจฉาชีพได้รับแรงบันดาลใจให้เริ่มต้นชีวิตใหม่ พวกเขาเรียนรู้การสร้างสินค้า ขายสินค้า และค้นพบคุณค่าในตัวเองอีกครั้ง ระดับความสุขของผู้สูงอายุเพิ่มขึ้นอย่างมาก เพราะการเรียนรู้ช่วยสร้างเป้าหมายในชีวิต

ปัจจุบัน MEDEE สนับสนุนชุมชนเพิ่มอีก 40 แห่งทั่วประเทศ เกิดเครือข่ายที่ผู้สูงอายุสอนกันเอง เริ่มต้นธุรกิจ และกลายเป็น “นักรบดิจิทัล” ของชุมชน นอกจากนี้ MEDEE ยังช่วยลดภาระของโรงเรียนผู้สูงอายุทั่วประเทศ ประหยัดงบประมาณกว่า 12,000 ดอลลาร์ต่อเดือน และทำให้การศึกษาที่มีคุณภาพเข้าถึงได้ง่ายขึ้น ภายใน 3 ปี MEDEE เติบโตจนกลายเป็นหนึ่งในแพลตฟอร์มการเรียนรู้ที่ได้รับความนิยมที่สุดสำหรับผู้สูงอายุในประเทศไทย โดยมีผู้สูงอายุกว่า 25,000 คน และผู้เรียนเกือบ 40,000 คนที่ได้รับประโยชน์จากระบบนิเวศการเรียนรู้นี้ โครงการนี้จึงไม่ใช่แค่แพลตฟอร์มการศึกษา แต่เป็นแสงแห่งความหวังที่ช่วยให้ผู้สูงอายุไทยสามารถก้าวข้ามอุปสรรคและพัฒนาคุณภาพชีวิตของตนเอง


เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

Privacy Preferences

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

Allow All
Manage Consent Preferences
  • คุกกี้ที่จำเป็น
    Always Active

    คุกกี้มีความจำเป็นสำหรับการทำงานของเว็บไซต์ เพื่อให้คุณสามารถใช้ได้อย่างเป็นปกติ และเข้าชมเว็บไซต์ คุณไม่สามารถปิดการทำงานของคุกกี้นี้ในระบบเว็บไซต์ของเราได้

  • คุกกี้เพื่อการวิเคราะห์

    คุกกี้ประเภทนี้จะทำการเก็บข้อมูลการใช้งานเว็บไซต์ของคุณ เพื่อเป็นประโยชน์ในการวัดผล ปรับปรุง และพัฒนาประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ ถ้าหากท่านไม่ยินยอมให้เราใช้คุกกี้นี้ เราจะไม่สามารถวัดผล ปรังปรุงและพัฒนาเว็บไซต์ได้

Save