แลนเซสส์ (LANXESS) แจงผลประกอบการปี ‘64 ยอดขายเพิ่มขึ้น 23.8% กำไรสูงขึ้น 17.2% เตรียมจ่ายเงินปันผลปีการเงิน ‘64 ที่1.05 ยูโรต่อหุ้น


แมตเธียส แซกเชิร์ต (Matthias  Zachert) ประธานคณะกรรมการบริหารแลนเซส
แมตเธียส แซกเชิร์ต (Matthias Zachert) ประธานคณะกรรมการบริหารแลนเซส

กรุงเทพฯ -17 มีนาคม พ.ศ.2565 :แลนเซสส์ (LANXESS) ผู้นำอุตสาหกรรมเคมีภัณฑ์ชนิดพิเศษประกาศความสำเร็จในการเพิ่มยอดขายและทำผลกำไรหลังจากปิดงบการเงิน 2564 แม้ว่าจะประสบกับปัญหาต้นทุนด้านพลังงาน วัตถุดิบ และค่าขนส่งที่เพิ่มขึ้นสูง 

 

สำหรับยอดขายทั้งปี พ.ศ.2564 ของทุกกลุ่มธุรกิจของบริษัทฯ อยู่ที่ 7.557 พันล้านยูโร เพิ่มขึ้น 23.8% จากปีที่แล้วซึ่งอยู่ที่ 6.104 พันล้านยูโร กำไรจากการดำเนินงานตามปกติของบริษัทฯก่อนหักดอกเบี้ย ภาษี ค่าเสื่อมราคา และค่าตัดจำหน่าย จาการดำเนินงานตามปกติ (EBITDA Pre Exceptionals) เพิ่มขึ้น 17.2% เป็น 1.010 พันล้านยูโรเทียบกับ 862 ล้านยูโรในปีก่อนหน้า ผลกำไรจึงอยู่ในช่วงที่เคยประกาศประมาณการไว้เมื่อต้นปีที่ระหว่าง 1 พันล้านยูโรถึง 1.05 พันล้านยูโร 

 

ทั้งนี้ผลประกอบการที่ดีขึ้นในทุกกลุ่มธุรกิจได้รับแรงหนุนหลักจากความต้องการที่แข็งแกร่งจากอุตสาหกรรมของลูกค้า เช่น ยานยนต์ การก่อสร้าง การขนส่ง และการผลิต โดยที่ผลกระทบเชิงลบจากต้นทุนที่สูงขึ้นและผลกระทบที่เกิดขึ้นเพียงครั้งเดียว (One-Time Effects) ทำให้ อัตรากำไรจากการดำเนินงานตามปกติของบริษัทฯ ก่อนหักดอกเบี้ย ภาษี ค่าเสื่อมราคา และค่าตัดจำหน่าย (EBITDA Margin) อยู่ที่ 13.4 เปอร์เซ็นต์ ลดลงเล็กน้อยจากปีที่แล้ว ซึ่งอยู่ที่ 14.1 เปอร์เซ็นต์

 

“เราเคยให้สัญญาว่าปีการเงิน 2564 จะเป็นปีแห่งการเติบโตของเราอีกปีหนึ่ง  และเราทำได้สำเร็จตามที่ตั้งเป้าไว้ท่ามกลางอุปสรรคต่างๆ เราสามารถปรับราคาขายให้ชดเชยต้นทุนที่เพิ่มโดยยอดขายไม่ลดลง นอกจากนี้ เรายังได้เข้าซื้อควบรวมกิจการ 4 แห่งสำเร็จในท่ามกลางช่วงเวลาที่มีการระบาดใหญ่ของไวรัสโคโรนา และด้วยเหตุนี้เราจึงสามารถขยายกลุ่มธุรกิจการปกป้องผู้บริโภคของเราให้เข็มแข็งขึ้น ทั้งหมดนี้แสดงให้เห็นถึงความแข็งแกร่งและความมั่นคงที่แลนเซสส์มีอยู่ในขณะนี้” แมตเธียส แซกเชิร์ต (Matthias Zachert) ประธานคณะกรรมการบริหารแลนเซสส์ กล่าว

 

สำหรับกำไรสุทธิจากการดำเนินงานอย่างต่อเนื่องของปี พ.ศ.2564 เป็นไปตามที่คาดการณ์ไว้อยู่ที่ 218 ล้านยูโร ลดลงจากปีที่แล้วอยู่ที่ 908 ล้านยูโร โดยในปี พ.ศ.2563 มีรายได้พิเศษค่อนข้างมากเกิดขึ้นจากการขายหุ้น Currenta บริษัทผู้ดำเนินการสวนอุตสาหกรรมเคมีในประเทศเยอรมนี

 

แซกเชิร์ต มีมุมมองในแง่บวกต่อผลประกอบการของปีการเงิน 2565 แม้ว่าจะมีต้นทุนเพิ่มขึ้นอีกก็ตาม 

 

“เราคาดว่าราคาพลังงานและวัตถุดิบจะเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องในช่วงครึ่งแรกของปี พ.ศ.2565 ห่วงโซ่อุปทานทั่วโลกยังคงเปราะบาง อย่างไรก็ตาม เรายังคงคาดการณ์การเติบโตของกำไรเพิ่มขึ้นจากปีการเงินนี้” โดยผลกระทบของสงครามในยูเครนยังไม่สามารถคาดเดาได้ แลนเซสส์คาดการณ์ว่ากำไรจะเพิ่มขึ้นในไตรมาสแรกของปี พ.ศ.2565 และคาดว่า EBITDA จากการดำเนินงานตามปกติจะอยู่ระหว่าง 280 ล้านยูโรถึง 320 ล้านยูโร เพิ่มขึ้นจากปี พ.ศ.2564 ที่มียอดขาย 242 ล้านยูโร

 

จากผลประกอบการที่ดีของปีการเงิน 2564 คณะกรรมการบริหารและคณะกรรมการกำกับจะได้เสนอเงินปันผล 1.05 ยูโรต่อหุ้น ซึ่งมากกว่าปีที่แล้วถึง 5% ในการประชุมผู้ถือหุ้นประจำปี ซึ่งจะจัดขึ้นในวันที่ 25 พฤษภาคม พ.ศ. 2565 โดยจ่ายเงินปันผลทั้งหมดประมาณ 91 ล้านยูโร

 

การศึกษาแม้จะมีสภาวะที่ยากลำบากอันเนื่องมาจากการระบาดของโคโรนาไวรัส แต่แลนเซสส์ยังคงเดินหน้าเข้าซื้อกิจการถึงสี่ครั้งในปีการเงิน 2564 และทำให้กลุ่มธุรกิจการปกป้องผู้บริโภค (Consumer Protection) แข็งแกร่งขึ้นอย่างมาก ด้วยการเข้าซื้อบริษัท INTACE ผู้เชี่ยวชาญด้านสารกำจัดศัตรูพืชของฝรั่งเศส เพื่อขยายจำนวนผลิตภัณฑ์ในกลุ่มสารฆ่าเชื้อราสำหรับกระดาษและบรรจุภัณฑ์ แลนเซสส์ยังได้เข้าซื้อบริษัท Theseo เพื่อขยายกลุ่มผลิตภัณฑ์สำหรับตลาดสุขภาพสัตว์ที่กำลังเติบโตอย่างสูง โดยเฉพาะกลุ่มผลิตภัณฑ์ยาฆ่าเชื้อและสุขอนามัย ในเดือนสิงหาคมปีที่แล้ว แลนเซสส์ได้เสร็จสิ้นการเข้าซื้อกิจการบริษัท Emerald Kalama Chemical ซึ่งเป็นผู้ผลิตเคมีภัณฑ์ชนิดพิเศษรายใหญ่ในประเทศสหรัฐอเมริกา ด้วยเหตุนี้จึงกลายเป็นหนึ่งในผู้ผลิตผลิตภัณฑ์สำหรับปรับแต่งรสชาติและกลิ่น (Flavors and Fragrance) ชั้นนำของโลกไปด้วย

 

นอกจากนั้น แลนเซสส์ยังคงเติบโตอย่างต่อเนื่องตามแผนด้วยการเข้าซื้อกิจการ Microbial Control จาก International Flavours & Fragrances Inc. (IFF) กลุ่มบริษัทในประเทศสหรัฐอเมริกา ทั้งสองบริษัทได้ลงนามในข้อตกลงเพื่อให้มีผลในเดือนสิงหาคม พ.ศ. 2564  ธุรกรรมนี้มีกำหนดจะแล้วเสร็จในไตรมาสที่สองของปี พ.ศ.2565 IFF Microbial Control เป็นหนึ่งในผู้ผลิตชั้นนำในการผลิตส่วนผสมและพัฒนาสูตรสารออกฤทธิ์ต้านจุลชีพสำหรับการปกป้องวัสดุ สารกันบูด และสารฆ่าเชื้อ

 

ในปีนี้ พ.ศ.2564 กลุ่มธุรกิจสารตัวกลางขั้นสูง (Advanced Intermediates) แลนเซสส์ประสบความสำเร็จในการปรับราคาขายชดเชยราคาวัตถุดิบที่เพิ่มขึ้น และแนวโน้มความต้องการของตลาดที่ดีเช่นกันส่งเสริมให้ยอดขายเพิ่มขึ้น 19.6% จาก 1.629 พันล้านยูโรในปีก่อนหน้าเป็น 1.949 พันล้านยูโรในปีนี้ โดย EBITDA จากการดำเนินงานตามปกติอยู่ที่ 333 ล้านยูโร หรือเท่ากับสูงขึ้น 7.8  เปอร์เซ็นต์กว่าตัวเลข 309 ล้านยูโรของปีที่แล้ว ค่าใช้จ่ายด้านพลังงานและค่าขนส่งที่สูงขึ้นส่งผลกระทบต่อรายได้และส่วนต่างกำไรโดยเฉพาะอย่างยิ่ง ทำให้ EBITDA Margin อยู่ที่ 17.1 เปอร์เซ็นต์ต่ำกว่า 19.0 เปอร์เซ็นต์ของปีที่แล้ว

 

ด้านกลุ่มธุรกิจสารเติมแต่งพิเศษ (Specialty Additives) ได้รับประโยชน์จากการฟื้นตัวของอุตสาหกรรมการบินและความต้องการที่เพิ่มสูงขึ้นจากอุตสาหกรรมการก่อสร้าง น้ำมันและก๊าซ สามารถปรับราคาขายชดเชยราคาวัตถุดิบที่เพิ่มขึ้นได้สำเร็จ ยอดขายมีมูลค่า 2.295 พันล้านยูโร เพิ่มขึ้น 16.8% จากปีที่แล้วที่ 1.965 พันล้านยูโร EBITDA จากการดำเนินงานตามปกติเพิ่มขึ้น 16.2% จาก 278 ล้านยูโรเป็น 323 ล้านยูโร ค่าพลังงานและค่าขนส่งที่เพิ่มขึ้นก็ส่งผลเสียต่อรายได้เช่นกัน ทำให้ EBITDA margin ยังคงไม่เปลี่ยนแปลงเมื่อเทียบปีต่อปีที่แล้ว ยังคงอยู่ที่ 14.1 เปอร์เซ็นต์เท่าเดิม

 

ขณะที่กลุ่มธุรกิจการปกป้องผู้บริโภค (Consumer Protection) มีผลการดำเนินงานในเชิงบวกอย่างมากตลอดทั้งปี กลุ่มนี้ได้รับประโยชน์อย่างสูงโดยได้จำนวนผลิตภัณฑ์ในกลุ่มเพิ่มขึ้น จากการเข้าควบรวมกิจการของบริษัท Emerald Kalama Chemical นอกจากนั้นกลุ่มธุรกิจสารตัวกลางขั้นสูงยังได้หน่วยธุรกิจ Benzyl Products เพิ่มขึ้นอีกด้วย กลุ่มธุรกิจการปกป้องผู้บริโภค (Consumer Protection) ยังได้รวมหน่วยธุรกิจผลิตภัณฑ์สำหรับปรับแต่งรสชาติและกลิ่นเป็นหน่วยธุรกิจใหม่เข้ามาด้วย นอกจากนั้นยอดขายและกำไรก็เพิ่มขึ้นด้วยการเข้าซื้อกิจการบริษัทผู้ผลิตไบโอไซด์ ได้แก่ INTACE และ Theseo เนื่องจากปริมาณการขายและราคาขายที่สูงขึ้น ยอดขายรวมจึงมีมูลค่า 1.515 พันล้านยูโร เพิ่มขึ้น 21.9% จากตัวเลขของปีที่แล้วที่ 1.243 พันล้านยูโร EBITDA จากการดำเนินงานตามปกติเพิ่มขึ้นเพียง 3.4% จาก 266 ล้านยูโรเป็น 275 ล้านยูโร เนื่องจากต้นทุนด้านพลังงานและค่าขนส่งที่สูงและการหยุดทำงานของโรงงานที่ไม่ได้กำหนดไว้ในแผนงาน และ EBITDA margin อยู่ที่ 18.2 เปอร์เซ็นต์ เทียบกับ 21.4% ในปีที่แล้ว

จากการฟื้นตัวของความต้องการในตลาดอุตสาหกรรมยานยนต์และการเพิ่มขึ้นของราคาวัตถุดิบ ทำให้ยอดขายในกลุ่มธุรกิจวัสดุวิศวกรรม (Engineering Materials) เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว ที่ 1.708 พันล้านยูโร ยอดขายเพิ่มขึ้น 43.5% จากปีที่แล้วที่ 1.190 พันล้านยูโร EBITDA จากการดำเนินงานตามปกติเพิ่มขึ้น 59.6% จาก 151 ล้านยูโรเป็น 241 ล้านยูโร แม้ว่าค่าพลังงานและค่าขนส่งที่สูงจะส่งผลในทางลบต่อรายได้ และ EBITDA Margin อยู่ที่ 14.1 เปอร์เซ็นต์ สูงขึ้นจากปีที่แล้วที่ทำได้ 12.7 เปอร์เซ็นต์


เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

Privacy Preferences

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

Allow All
Manage Consent Preferences
  • คุกกี้ที่จำเป็น
    Always Active

    คุกกี้มีความจำเป็นสำหรับการทำงานของเว็บไซต์ เพื่อให้คุณสามารถใช้ได้อย่างเป็นปกติ และเข้าชมเว็บไซต์ คุณไม่สามารถปิดการทำงานของคุกกี้นี้ในระบบเว็บไซต์ของเราได้

  • คุกกี้เพื่อการวิเคราะห์

    คุกกี้ประเภทนี้จะทำการเก็บข้อมูลการใช้งานเว็บไซต์ของคุณ เพื่อเป็นประโยชน์ในการวัดผล ปรับปรุง และพัฒนาประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ ถ้าหากท่านไม่ยินยอมให้เราใช้คุกกี้นี้ เราจะไม่สามารถวัดผล ปรังปรุงและพัฒนาเว็บไซต์ได้

Save