เปิดตัว Aruba ESP ชู AI ขับเคลื่อนระบบบริหารจัดการ – วิเคราะห์ข้อมูลเครือข่ายแบบ Cloud-Native ช่วยให้เครือข่ายองค์กรมีประสิทธิภาพมากขึ้น


กรุงเทพฯ ในงานสัมมนาออนไลน์ HPE Discover 2021: The Edge-to-Cloud Conferenceมื่อวันที่ 8 กรกฎาคม 2564 ที่ผ่านมา อรูบ้า (Aruba) บริษัทในเครือ Hewlett Packard Enterprise (NYSE: HPE) เปิดตัวโซลูชันใหม่  Aruba ESP (Edge Services Platform) ที่ออกแบบมาเพื่อช่วยให้การดูแลระบบเครือข่ายมีประสิทธิภาพมากขึ้น และเพิ่มความคุ้มค่าในการใช้งานระบบ IT ให้สูงสุดสำหรับองค์กรธุรกิจ

การอัปเดตครั้งนี้ครอบคลุมถึงความสามารถใหม่ของ Aruba Central ในด้าน AIOps, IoT และ Security ซึ่งเป็นระบบบริหารจัดการและวิเคราะห์ข้อมูลเครือข่ายแบบ Cloud-Native ที่ขับเคลื่อนด้วย AI และเป็นหัวใจของ Aruba ESP รวมทั้งยังเปิดตัวผลิตภัณฑ์ตระกูล Aruba CX Switching รุ่นใหม่ที่ถูกออกแบบมาโดยเฉพาะสำหรับ Intelligent Edge โดยเทคโนโลยีใหม่เหล่านี้จะทำให้ฝ่าย IT สามารถขยายระบบเครือข่ายให้ครอบคลุมได้ตั้งแต่ระดับส่วนปลายจนถึงคลาว์ (Edge-to-Cloud) อย่างไร้รอยต่อบนระบบโครงสร้างพื้นฐานเดียวที่มีความคล่องตัวและความง่ายดายยิ่งกว่าเดิม ซึ่งเป็นสิ่งสำคัญสำหรับองค์กรธุรกิจที่ต้องทำงานได้จากหลายสถานที่อย่างในทุกวันนี้

สถานการณ์ของปีที่ผ่านมาได้ส่งผลกระทบอย่างถาวรต่อองค์กรธุรกิจและสร้างความท้าทายต่อรูปแบบการดำเนินธุรกิจแบบดั้งเดิม ในช่วงแรกนั้นองค์กรธุรกิจต่างต้องเร่งปรับตัวและมุ่งเป้าไปที่การทำให้ธุรกิจยังคงดำเนินต่อไปได้ แต่มาถึงวันนี้ เมื่อองค์กรธุรกิจต่างได้รับบทเรียนจากปีก่อนกันมาแล้ว ล้วนเริ่มเห็นว่าไม่ใช่แค่การปรับตัวให้เข้ากับความเป็นจริงใหม่ในการดำเนินธุรกิจเท่านั้นที่เกิดขึ้น แต่จะต้องลงทุนทางด้านเทคโนโลยีเพิ่มขึ้นอีกด้วย เพื่อให้ระบบโครงสร้างพื้นฐานทางด้าน IT มีความยืดหยุ่นและมั่นคงทนทานมากยิ่งขึ้น สำหรับเตรียมรับต่อความเปลี่ยนแปลงทางธุรกิจครั้งใหญ่ที่อาจเกิดขึ้นได้ในอนาคต[1]

อีกหนึ่งปัจจัยสำคัญที่องค์กรธุรกิจต้องพิจารณาก็คือรูปแบบการทำธุรกิจที่เปลี่ยนไปสู่การทำงานจากหลายสถานที่ โดยไม่เพียงแต่แอปพลิเคชันและระบบงานเท่านั้นที่ถูกกระจายไปยังศูนย์ข้อมูลและ Cloud หลายแห่ง แต่ผู้ใช้งานเองก็ต้องทำงานจากหลายสถานที่ ไม่ว่าจะเป็นภายในอาคารขององค์กร, ภายในศูนย์ข้อมูล, ทำงานจากที่สาขา หรือแม้แต่การทำงานจากภายนอกองค์กร ในขณะเดียวกัน ระบบเครือข่ายก็มีความกระจัดกระจายมากขึ้น และมีสถาปัตยกรรมที่หลากหลาย

ทำงานร่วมกัน ทำให้มีเครื่องมือบริหารจัดการที่แตกต่างกันไปในแต่ละระบบที่กระจายตัวอยู่ในแต่ละพื้นที่

ผลลัพธ์จากความซับซ้อนของระบบ IT ทำให้ธุรกิจไม่ได้รับประโยชน์จากเทคโนโลยีอย่าง  IoT หรือ Cloud เท่าที่ควร อีกทั้งยังสร้างผลลัพธ์เชิงลบที่เกิดขึ้นกับประสิทธิภาพการทำงานของพนักงานและประสบการณ์ของลูกค้าไปด้วยในเวลาเดียวกัน ในขณะที่องค์กรต่างๆ กำลังดำเนินโครงการด้าน Digital Transformation ฝ่าย IT ก็อยู่ภายใต้ความกดดันที่สูงอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน เนื่องจากต้องพยายามติดตั้ง ใช้งานและบริหารจัดการเทคโนโลยีหรือโซลูชันต่างๆ ให้เป็นแบบอัตโนมัติ เพื่อลดความซับซ้อนและทำให้การดูแลรักษามีความเป็นระบบมากขึ้น

ความสามารถในการบริหารจัดการแบบ Cloud-Native สำหรับระบบที่เป็นหนึ่งเดียว

แนวทางหนึ่งที่จะช่วยลดความซับซ้อนทางด้าน IT ได้นั้นก็คือการติดตั้งใช้งานระบบโครงสร้างพื้นฐานที่เป็นหนึ่งเดียว (Unified Infrastrucutre) ซึ่งสามารถบริหารจัดการได้จากศูนย์กลาง โดยลูกค้าจะสัมผัสได้ถึงความง่ายดายของระบบเครือข่ายจากเทคโนโลยีล้ำสมัยของ Aruba Central และ ArubaOS 10 (AOS 10) ที่เป็นระบบปฏิบัติการสำหรับเครือข่ายแบบหนึ่งเดียวที่นำความสามารถของ WLAN และ SD-Branch มารวมเข้าด้วยกัน ด้วยแนวทางดังกล่าวนี้ ฝ่าย IT จะสามารถบริหารจัดการระบบเครือข่ายที่กระจายตัวอยู่หลายพื้นที่ในสาขาย่อย, สาขาทั่วไป และสาขาหลักขององค์กรได้อย่างมีประสิทธิภาพ อีกทั้งยังสามารถส่งมอบประสบการณ์ที่ดีให้กับผู้ใช้งานได้ด้วยสถาปัตยกรรมเดียวซึ่งบริหารจัดการได้แบบอัตโนมัติจากหน้าจอบริหารจัดการเดียวเท่านั้น

ความสามารถใหม่ในการบริหารจัดการแบบ Cloud-Native ของ Aruba Central ที่จะเป็นส่วนหนึ่งของ HPE’s Compute Cloud Console ซึ่งเพิ่งเปิดตัว ได้แก่ AIOps ที่ซ่อมแซมตัวเองได้ จะช่วยดูแลรักษาแก้ไขปัญหาอย่างครบวงจร ทำให้ปัญหาต่างๆ นั้นถูกตรวจสอบและจัดการแก้ไขโดยอัตโนมัติก่อนที่ผู้ใช้งานหรือธุรกิจจะได้รับผลกระทบ โดยที่ผู้ดูแลระบบ IT ไม่ต้องทำการตั้งค่าด้วยตนเองแต่อย่างใด บริการใหม่ทางด้าน IoT Operations ที่เสริมความสามารถในการตรวจสอบการทำงานของระบบเครือข่ายให้ครอบคลุมถึงเซ็นเซอร์, อุปกรณ์เชื่อมต่อ และโครงสร้างพื้นฐานทางด้าน IoT อื่นๆ ควบคู่ไปกับการผสานระบบ App Store เพื่อให้ลูกค้าสามารถติดตั้งใช้งานแอปพลิเคชันจากพันธมิตรทางด้าน IoT ของ Aruba ได้ภายในการคลิกเพียงแค่ไม่กี่ครั้ง และความสามารถใหม่ในการยืนยันตัวตนและควบคุมนโยบายผ่าน Cloud ที่จะช่วยให้บริการเชื่อมต่อเครือข่ายแบบอัตโนมัติและมั่นคงปลอดภัยแก่ผู้ใช้งานไม่ว่าจะเชื่อมต่อผ่านอุปกรณ์ใด รวมถึงรองรับผู้ใช้งานผ่าน SIM ทำให้สามารถส่งมอบประสบการณ์ที่ไร้รอยต่อแก่ผู้ใช้งานได้ ในขณะที่ฝ่าย IT ก็สามารถทำการบริหารจัดการระบบเครือข่ายโดยรวมได้อย่างง่ายดาย

เมื่อนำเทคโนโลยีใหม่ล่าสุดเหล่านี้มาทำงานร่วมกัน จะช่วยผลักดันวิสัยทัศน์ของ Aruba ให้ถูกขับเคลื่อนอย่างรวดเร็วยิ่งขึ้น ในเรื่องการส่งมอบระบบโครงสร้างพื้นฐานที่เป็นหนึ่งเดียว ไปพร้อมกับการดูแลรักษาที่ง่ายดายในระดับที่ไม่เคยเป็นมาก่อน เพื่อให้ฝ่าย IT สามารถนำทรัพยากรที่มีค่าของตนเองไปใช้สำหรับงานที่ส่งผลสำคัญต่อการสร้างผลลัพธ์ทางธุรกิจได้โดยตรง

“ด้วยอุปกรณ์จำนวนมากกว่า 17,000 ชิ้นที่ถูกแจกจ่ายออกไปในสาขา 16 แห่งเพื่อรองรับนักเรียนจำนวน 14,000 คน องค์กรของเราจึงต้องทำงานจากหลายสถานที่ให้ได้มากที่สุด  ในสภาวะแบบโรงเรียนเช่นเราที่การเชื่อมต่อเครือข่ายของอุปกรณ์นั้นถือเป็นองค์ประกอบสำคัญต่อการเรียน การที่ระบบเครือข่ายไม่สามารถให้บริการได้นั้นจึงถือเป็นสิ่งที่จะปล่อยให้เกิดขั้นไม่ได้ ซึ่งเทคโนโลยีของ Aruba ก็ทำให้เราสามารถบริหารจัดการเครือข่ายทั้งหมดได้ในแบบเชิงรุกจากศูนย์กลางเพียงแห่งเดียว ทำให้เราสามารถตรวจสอบและแก้ไขปัญหาได้อย่างง่ายดายก่อนที่ปัญหานั้นๆ จะส่งผลกระทบต่อการเรียนรู้ของนักเรียน เราตื่นเต้นเป็นอย่างมากเกี่ยวกับความสามารถใหม่ๆ ใน Aruba Central และ ArubaOS 10 ที่ช่วยให้เรามุ่งเข้าไปใกล้เป้าหมายในการสร้างระบบเครือข่ายที่มีความรวดเร็ว, มั่นคงปลอดภัย และเชื่อมต่อใช้งานได้อยู่เสมอเพื่อช่วยให้นักเรียนของเราใช้งานและสื่อสารได้มากยิ่งขึ้น” Jesus Orozco ผู้ดูแลระบบของ Santa Barbara Unified School District กล่าว

Aruba Central เป็นส่วนหนึ่งของ Aruba ESP ที่ถูกนำไปใช้งานมากเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว ทุกวันนี้ Aruba Central ได้บริหารจัดการอุปกรณ์ของผู้ใช้งานจำนวนมากกว่า 100 ล้านชิ้น และบริหารจัดการอุปกรณ์เครือข่ายมากกว่า 1.5 ล้านชิ้นในองค์กร 100,000 แห่งทั่วโลก

 

เพิ่มขยายระบบเครือข่ายตอบรับความต้องการองค์กรที่ทำงานจากหลายสถานที่

เพื่อสนับสนุนลูกค้าของเราที่มีโจทย์ความต้องการในการเชื่อมต่อระบบเครือข่าย Aruba ได้ทำการเปิดตัวผลิตภัณฑ์หลักในตระกูล CX Switching เพิ่ม 2 รุ่น ได้แก่

  • Aruba CX 4100i ผลิตภัณฑ์ตระกูล Ruggedized Switch ที่ถูกออกแบบมาให้ทนทานต่ออุณหภูมิที่สูงและสภาพแวดล้อมที่โหดร้าย เหมาะสำหรับการใช้งานในระบบ IoT สำหรับภาคอุตสาหกรรมที่ต้องการระบบ PoE และการเชื่อมต่อแบบมีสายประสิทธิภาพสูงอยู่ตลอดเวลา
  • Aruba CX 6000 โซลูชัน Layer 2 ที่ราคาคุ้มค่า ถูกออกแบบมาโดยเฉพาะสำหรับออฟฟิศสาขาและธุรกิจขนาดเล็กจนถึงขนาดกลาง

ผลิตภัณฑ์ตระกูล CX Switching รุ่นใหม่นี้ช่วยให้ระบบปฏิบัติการ AOS-CX ที่เป็นแบบ Cloud-Native เข้าถึงระบบเครือข่ายได้หลากหลายมากยิ่งขึ้น และช่วยให้องค์กรมีความยืดหยุ่นในการริเริ่มโครงการใหม่ๆ และเปิดรับต่อโอกาสใหม่ทางธุรกิจได้ตามต้องการ

Bob Laliberte, Senior Analyst และ Practice Director ของ Enterprise Strategy Group กล่าวว่า การพัฒนาในช่วงปีที่ผ่านมาได้แสดงให้เราเห็นว่าองค์กรที่ทำงานจากหลายสถานที่นั้นจะยังคงเป็นแนวโน้มต่อเนื่องไปอีกยาวนาน โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อองค์กรต่างมองหาวิธีการที่จะเพิ่มความยืดหยุ่นและสร้างความมั่นคงให้กับธุรกิจเพื่อให้สามารถปรับตัวรับมือกับความท้าทายใดๆ ที่จะเกิดขึ้นในอนาคต

“งานวิจัยของเราได้แสดงให้เห็นว่าองค์กรต่างเร่งดำเนินโครงการ Digital Transformation และให้ความสำคัญกับโครงการที่เพิ่มประสิทธิภาพ, ความมั่นคงปลอดภัย และการสื่อสารในการทำงาน อย่างไรก็ดี สภาพแวดล้อมที่กระจายตัวเป็นอย่างมากนี้ก็ได้สร้างความซับซ้อนที่มากขึ้นให้กับระบบ IT ดังนั้นความต้องการในเทคโนโลยีและโซลูชันที่จะต่อยอดจากข้อมูลและการทำงานอัตโนมัติเพื่อเพิ่มความคล่องตัวในการทำงานและการบริหารจัดการให้เป็นระบบจึงมีอยู่จริงในตลาด” Bob Laliberte กล่าว

ซอฟต์แวร์ Aruba Central และอุปกรณ์ CX Switch รุ่นใหม่นี้จะพร้อมวางจำหน่ายภายในปีนี้ โดยโซลูชันทั้งสองจะให้บริการทั้งในรูปแบบ as-a-service, Managed Service และ GreenLake for Aruba

 

ข้อมูลเพิ่มเติม

 

[1] ESG Research Report, 2021 Technology Spending Intentions Survey, January 2021


เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

Privacy Preferences

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

Allow All
Manage Consent Preferences
  • คุกกี้ที่จำเป็น
    Always Active

    คุกกี้มีความจำเป็นสำหรับการทำงานของเว็บไซต์ เพื่อให้คุณสามารถใช้ได้อย่างเป็นปกติ และเข้าชมเว็บไซต์ คุณไม่สามารถปิดการทำงานของคุกกี้นี้ในระบบเว็บไซต์ของเราได้

  • คุกกี้เพื่อการวิเคราะห์

    คุกกี้ประเภทนี้จะทำการเก็บข้อมูลการใช้งานเว็บไซต์ของคุณ เพื่อเป็นประโยชน์ในการวัดผล ปรับปรุง และพัฒนาประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ ถ้าหากท่านไม่ยินยอมให้เราใช้คุกกี้นี้ เราจะไม่สามารถวัดผล ปรังปรุงและพัฒนาเว็บไซต์ได้

Save