บริษัท โซเชียลแล็บ จำกัด ร่วมกับ สมาคมอุตสาหกรรมซอฟต์แวร์ไทย ร่วมกับ จัดงาน OIIO (ศูนย์หนึ่งหนึ่งศูนย์) Thailand Techland 2019 ปรากฏการณ์ด้านเทคโนโลยีของทุกอุตสาหกรรมในแบบ Industry 4.0 ที่ไม่เพียงรวมความล้ำของเทคโนโลยี นวัตกรรม และที่สุดของซอฟต์แวร์เพื่ออนาคต แต่อยากชวนคนไทย “ร่วมสร้างสังคมแห่งความเจริญด้านนวัตกรรม” ให้สามารถแข่งขันทัดเทียมเทคโนโลยีโลกได้ ด้วยการหยิบยกปัญหาขึ้นมาเพื่อระดมกูรูแนวหน้าช่วยกันคิด ช่วยกันสร้างตามคอนเซ็ปต์ OIIO บนพื้นที่กว่า 4,400 ตารางเมตร ระหว่างวันที่ 5 – 6 พฤศจิกายน 2562 ณ รอยัล พารากอน ฮอลล์ ชั้น 5 สยามพารากอน
โดยได้รับเกียรติจาก พุทธิพงษ์ ปุณณกันต์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม หรือ DE เป็นประธานในพิธีเปิดงาน พร้อมปาฐกถาพิเศษในหัวข้อ “พลังซอฟต์แวร์ไทยสู่อนาคตยุคดิจิทัลไทยแลนด์” สรุปสาระสำคัญได้ว่า หลายประเทศได้มีการพูดถึง Disruption ทั่วโลก จึงไม่ใช่เรื่องแปลกที่ไทยจะต้องปรับตัวสู่ Disruption เนื่องจากพลังของคนดิจิทัลยิ่งใหญ่มาก อย่างไรก็ตาม จะสังเกตได้ว่าในไทย ทุกคนต่างคนต่างเก่ง เช่น คนเขียนโปรแกรม คนนำดิจิทัลมาใช้ แต่ทำไมหลายเรื่องจึงไปอยู่ที่ประเทศเพื่อนบ้าน เช่น Data Center อยู่ที่ประเทศสิงคโปร์ ที่เป็นเช่นนี้เพราะคนไทยเก่ง แต่ไม่ร่วมมือกัน ไม่เอาปัญหามาแลกเปลี่ยนกัน เราจึงต้องมีสภาดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมแห่งประเทศไทย เพื่อเป็นพื้นฐานในการรวบรวมปัญหาในอุตสาหกรรมและธุรกิจดิจิทัล
“สิ่งที่ผมพยายามทำ และฝากให้ประธานสภาดิจิทัลฯ ทำให้เกิดขึ้น คือ การจัดเวทีให้ภาครัฐและเอกชนได้มาพูดคุยกันขึ้นบ่อยๆ และพยายามผลักดันให้การจัดงานนี้ทุก ๆ ปี โดยให้มีขนาดใหญ่ขึ้น มีคนมาร่วมงานมากขึ้น สิ่งที่กระทรวงดิจิทัลกำลังทำ คือ ขับเคลื่อนไปด้วยกัน เราจะคิดและทำไปด้วยกัน เช่น แก้กฎหมาย ใครได้-เสียประโยชน์ เวลาแข่งกับต่างประเทศ บอกให้รัฐบาลรู้ว่าลำบากแค่ไหน เพื่อที่รัฐบาลจะช่วยแก้ปัญหาถูกทาง” รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลฯ กล่าว
พุฒิพงษ์ กล่าวว่า การที่จะพัฒนาประเทศ จะต้องเข้าใจโครงสร้างทางเศรษฐกิจ จากโครงสร้างทางเศรษฐกิจของไทย กว่า 7 ล้านครัวเรือนเป็นภาคการเกษตร คิดเป็น 70.22% ส่วน SME มีราวกว่า 3 ล้านคน คิดเป็น 29.72% ขณะที่ธุรกิจขนาดใหญ่มีเพียง 6,455 ครัวเรือน คิดเป็น 0.06% ถ้ามี Disruption จะต้องช่วยภาคการเกษตร ภาคเกษตรซึ่งมีกว่า 7 ล้านครัวเรือน และมีแรงงานกว่า 12 ล้านคน จะต้องผลักดันให้มีการใช้เทคโนโลยีดิจิทัล เพื่อช่วยภาคการเกษตร ประเทศถึงจะไปต่อได้
ในส่วนของการเตรียมคน Manpower เข้าสู่ระบบดิจิทัลซึ่งจะต้องใช้เวลา หากจะต้องวางหลักสูตร กระทรวงดิจิทัลฯ จึงใช้วิธีการ Reskill และ Upskill ให้แรงงานที่ต้องการทำงานในภาคดิจิทัล โดยเริ่มทำในโรงงานในนิคมอุตสาหกรรมที่จ.ชลบุรี ตั้งเป้าผลักดันให้ได้ปีละ 30,000 คน จากความต้องการปีละ 1 แสนคน
“สำหรับระบบ 5 G ซึ่งผมบอกว่าจะต้องผลักดันให้เกิดในปีหน้า ถ้าไม่ทำให้เกิด 5 G ในปีหน้า ฟิลิปปินส์ประกาศใช้ 5G ในเดือนมิถุนายน สิงคโปร์ใช้แล้ว เวียดนามและลาวกำลังผลักดันให้มีการใช้ 5G ถ้าไม่ผลักดันให้เกิด ประเทศไทยจะล้าหลัง และไม่มีใครอยากมาลงทุน ทั้งนี้อุปกรณ์ Device ต่างๆ เช่น หุ่นยนต์ AI จะเกิดไม่ได้ถ้าไม่มี 5G ในเรื่องนี้ได้มีการพูดคุยกับสำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) ผู้ให้บริการเครือข่ายโทรศัพท์เคลื่อนที่ (Operator) ทั้งรายใหม่และรายเก่าว่าจะต้องผลักดันให้เกิดขึ้น เพื่ออนาคตของชาติ” พุฒิพงษ์ กล่าว
ในส่วนของ True Digital Park ที่ทรู คอร์ปอเรชั่นสร้างขึ้นถือเป็นเรื่องดี แต่ทำแห่งเดียวไม่น่าจะเพียงพอ ควรสร้างเพิ่มที่จ.ภูเก็ต เชียงใหม่ ขอนแก่น เพราะเด็กไทยมีความสามารถ ทั้งเขียน Coding ทำโปรแกรมและทางด้านวิศวกรรม ทั้งนี้อยากเขียนกฎหมายให้ Data Center อยู่ในไทย โดยให้ไทยได้เป็นหุ้นส่วนด้วย ซึ่งจะทำให้การลงทุนอยู่ในไทยมหาศาล เพราะอนาคตต่อไป ธุรกิจจะอยู่ได้ด้วยข้อมูล ขณะนี้เริ่มมีการซื้อ-ขายข้อมูล
“สุดท้ายอยากจะฝากให้นักพัฒนาไทย ได้ให้ผู้สูงวัยที่มีอายุ 60 ปีขึ้นไป มี Contents ดีๆ สำหรับผู้สูงวัยโดยเฉพาะ เช่น ปลูกต้นไม้ ออมเงิน เลี้ยงหลาน ในรูปแบบของ Modern Living เนื่องจากกลุ่มนี้มีกำลังซื้อและมีจำนวนมากขึ้นในอนาคต” พุฒิพงษ์ กล่าว