อว.- สธ. ร่วมกับวิศวฯ มหิดล เปิดตัวนวัตกรรม “ระบบจัดการเวชภัณฑ์ประเทศไทย 2020” ใช้ในโรงพยาบาลทั่วประเทศแล้วกว่า 2,641 แห่ง ช่วง COVID -19 แพร่ระบาด


เปิดตัวนวัตกรรม “ระบบจัดการเวชภัณฑ์ประเทศไทย 2020”

กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) สำนักงานการวิจัยแห่งชาติ (วช.) และกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) ร่วมกับคณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล ผนึกความร่วมมือ บริษัท ไปรษณีย์ไทย ดิสทริบิวชั่น จำกัด สมาคมขนส่งสินค้าและโลจิสติกส์ไทย มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ และมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี พลิกวิกฤต COVID-19 พัฒนาและเปิดใช้นวัตกรรมแพลตฟอร์ม “ระบบจัดการเวชภัณฑ์ประเทศไทย 2020” เพื่อแก้ปัญหาการขาดแคลนเวชภัณฑ์และการบริหารสินค้าคงคลังที่ขาดสมดุล ทำให้สามารถบริหารการจัดซื้อ-รับ-กระจายเวชภัณฑ์ และโลจิสติกส์ขนส่งอย่างครบวงจร ครอบคลุมทั้งการบริจาคอัจฉริยะ (Smart Donation) และระบบจัดซื้อกลาง โดยนำมาใช้แล้วในโรงพยาบาลทั่วประเทศกว่า 2,641 แห่งในช่วงสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อ COVID -19

นายแพทย์สุขุม กาญจนพิมาย ปลัดกระทรวงสาธารณสุข กล่าวว่า การแพร่ระบาดของเชื้อ COVID -19 เป็นตัวเร่งให้ตระหนักถึงผลกระทบจากปัญหาการขาดแคลนเวชภัณฑ์ ซึ่งจำเป็นต้องจัดเตรียมเวชภัณฑ์ที่มีประสิทธิภาพรองรับการระบาดและภาวะฉุกเฉินที่อาจเกิดขึ้นได้ตลอดเวลา ทำให้ต้องบริหารจัดการเวชภัณฑ์ของโรงพยาบาลทั่วประเทศกว่า 2,641 แห่ง จัดการสินค้าคงคลังเชื่อมโยงครบวงจรตั้งแต่จับคู่ข้อมูลความต้องการ (Demand) กับการจัดซื้อและการผลิต (Supplies) ที่มีประสิทธิภาพ การขนส่งและกระจายเวชภัณฑ์ที่ใช้ตรงกับสต๊อกและทั่วถึง นำไปสู่การจัดทำ “ระบบจัดการเวชภัณฑ์ประเทศไทย 2020” (Smart Medical Supply Platform 2020) เป็นระบบกลางของประเทศเป็นครั้งแรก

รองศาสตราจารย์ นายแพทย์สรนิต ศิลธรรม ปลัดกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) กล่าวว่า อว. ในฐานะหน่วยงานที่กำกับดูแลมหาวิทยาลัย รวมทั้งส่งเสริม สนับสนุน และขับเคลื่อนการวิจัยและนวัตกรรมโดยเฉพาะงานวิจัยที่สามารถแก้ไขปัญหาสำคัญของประเทศให้สามารถใช้ประโยชน์ได้จริง ซึ่งระบบจัดการเวชภัณฑ์ประเทศไทย 2020 ได้แสดงให้เห็นถึงศักยภาพของนักวิจัยไทยที่พัฒนาระบบบริหารจัดการเวชภัณฑ์แบบออนไลน์ เพื่อให้โรงพยาบาลได้รับเวชภัณฑ์ตรงตามความต้องการทั้งในแง่ปริมาณและคุณภาพได้

ศาสตราจารย์ ดร. นายแพทย์สิริฤกษ์ ทรงศิวิไล เลขาธิการคณะกรรมการวิจัยแห่งชาติ (วช.) กล่าวว่า วช. เป็นหน่วยงานให้ทุนวิจัยและนวัตกรรมหลักของประเทศ สนับสนุนการวิจัยและนวัตกรรมที่ช่วยพัฒนาประเทศ และแก้ปัญหาที่สำคัญทั้งในระยะสั้น ระยะกลาง และระยะยาวโดยงานวิจัยต้องใช้ประโยชน์ได้จริงและตรงตาม ความต้องการของผู้ใช้ประโยชน์ โดยวช.ได้สนับสนุนโครงการ “ระบบบริหารจัดการโลจิสติกส์เวชภัณฑ์ที่มิใช่ยาเพื่อรองรับสถานการณ์ COVID-19” เพื่อนำมาใช้แก้ไขปัญหาการบริหารจัดการเวชภัณฑ์ในสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อ COVID -19 ให้เกิดความสมดุลและเป็นไปตามความต้องการของกระทรวงสาธารณสุข ซึ่งได้พัฒนาเสร็จแล้วและได้นำไปใช้บริหารจัดการสถานการณ์ที่เกิดขึ้นจริง ในปัจจุบันและเตรียมความพร้อมสำหรับสถานการณ์ในอนาคต

ระบบจัดการเวชภัณฑ์ประเทศไทย 2020

รองศาสตราจารย์ ดร.ดวงพรรณ กริชชาญชัย หัวหน้าศูนย์การจัดการโลจิสติกส์และโซ่อุปทานสุขภาพ คณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล กล่าวว่า หลักการทำงานของ “ระบบจัดการเวชภัณฑ์ประเทศไทย 2020” เริ่มจากการรับข้อมูลรายการสินค้าที่ได้รับการจัดสรรจากส่วนกลางหรือของบริจาคเข้ามาหน้าเว็บไซต์ตามรายการสินค้า ในระบบฐานข้อมูล การจัดสรรมีหลักการพิจารณาจากความต้องการเร่งด่วนและปัจจัยต่างๆ ของการระบาด และสถานการณ์ของโรงพยาบาล จากนั้นข้อมูลจะไหลเข้าระบบสต๊อก หรือสินค้าคงคลังเสมือน (Virtual Stock) โดยจะวิเคราะห์และจัดสรรให้ตรงกับความต้องการของฝั่งโรงพยาบาลโดยการจับคู่ (Match) จากจำนวนผู้ป่วย จำนวนบุคลากร ทางการแพทย์ ปริมาณที่มีอยู่ อัตราการใช้ และระดับความรุนแรง เป็นต้น โดยสามารถระบุได้ว่าต้องจัดสรรอะไร กระจายไปที่ใดและจำนวนเท่าไร เพื่อส่งต่อไปที่ระบบขนส่งแล้วกระจายเวชภัณฑ์ดังกล่าวต่อไป

พีระ อุดมกิจสกุล กรรมการผู้จัดการบริษัท ไปรษณีย์ไทยดิสทรีบิวชั่น จำกัด กล่าวว่า บริษัท ไปรษณีย์ไทย ดิสทรีบิวชั่น จำกัด เป็นหนึ่งในหน่วยงานที่เข้าร่วมการพัฒนาแพลตฟอร์มระบบบริหารโลจิสติกส์เวชภัณฑ์

โดยสนับสนุนข้อมูลและดำเนินงานด้านการขนส่งโลจิสติกส์ ซึ่งบริษัทไปรษณีย์ไทยมีเครือข่ายอยู่ทั่วประเทศได้ร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการกระจายและขนส่งเวชภัณฑ์ไปยังโรงพยาบาลอย่างรวดเร็ว และมีประสิทธิภาพ เพื่อให้เกิดการใช้ประโยชน์สูงสุด
นายแพทย์ไพศาล ดั่นคุ้ม เลขาธิการคณะกรรมการอาหารและยา กล่าวสรุปถึงประโยชน์ของ “ระบบบริหารจัดการเวชภัณฑ์ประเทศไทย 2020” ว่า ทำให้ประเทศไทยมีฐานข้อมูลกลางด้านสาธารณสุขสำหรับสินค้าเวชภัณฑ์ สามารถนำข้อมูลมาวิเคราะห์และตอบโต้สถานการณ์โรคระบาดได้อย่างมีประสิทธิภาพ ทั้งด้านการใช้ จำนวนสต๊อกของเวชภัณฑ์ การคาดคะเนปริมาณความต้องการในอนาคตได้ ด้านกระทรวงสาธารณสุขและหน่วยงานภาครัฐสามารถประหยัดต้นทุน สร้างความโปร่งใสในการบริหารจัดการการกระจายเวชภัณฑ์ด้วยระบบ Matching บนสถานการณ์และข้อมูลที่แท้จริง สำหรับโรงพยาบาลทั่วประเทศ จะได้รับสินค้าตรงตามต้องการจริงในเวลาที่รวดเร็ว ลดภาระต้นทุนในการมีสต๊อกเวชภัณฑ์ที่ขาดหรือเกินความต้องการ ด้านผู้จัดหาผลิตภัณฑ์สามารถวางแผนบริหารจัดการการผลิตเวชภัณฑ์ได้อย่างเหมาะสม ไม่ต้องขนส่งสินค้าเข้ามาที่ส่วนกลางสามารถกระจายสินค้าไปยังโรงพยาบาลที่ต้องการโดยตรงได้ทันที ส่วนผู้บริจาคสามารถบริจาคเวชภัณฑ์ที่ตรงตามความต้องการของโรงพยาบาลและจำนวนที่ใช้จริง


เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

Privacy Preferences

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

Allow All
Manage Consent Preferences
  • คุกกี้ที่จำเป็น
    Always Active

    คุกกี้มีความจำเป็นสำหรับการทำงานของเว็บไซต์ เพื่อให้คุณสามารถใช้ได้อย่างเป็นปกติ และเข้าชมเว็บไซต์ คุณไม่สามารถปิดการทำงานของคุกกี้นี้ในระบบเว็บไซต์ของเราได้

  • คุกกี้เพื่อการวิเคราะห์

    คุกกี้ประเภทนี้จะทำการเก็บข้อมูลการใช้งานเว็บไซต์ของคุณ เพื่อเป็นประโยชน์ในการวัดผล ปรับปรุง และพัฒนาประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ ถ้าหากท่านไม่ยินยอมให้เราใช้คุกกี้นี้ เราจะไม่สามารถวัดผล ปรังปรุงและพัฒนาเว็บไซต์ได้

Save