ยูนิเวอร์ซัล โรบอทใช้หุ่นยนต์โคบอท หนุนผลิตรถ EVในไทย

ประเทศไทย :  ยูนิเวอร์ซัล โรบอท บริษัทผู้ผลิตหุ่นยนต์ร่วมปฏิบัติงาน (โคบอท) จากประเทศเดนมาร์ก  พร้อมสนับสนุนผู้ผลิตยานยนต์ไฟฟ้า (EV) ในประเทศไทย โดยใช้หุ่นยนต์โคบอทช่วยการผลิต  เพื่อรองรับการเติบโตอย่างรวดเร็วของตลาด

ทั้งนี้การเปลี่ยนแปลงของสภาพอากาศ ราคาน้ำมันที่เพิ่มสูงขึ้น นโยบายของรัฐบาล และมาตรฐานการปล่อยก๊าซที่เข้มงวดขึ้น  ได้มีการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญไปทั่วโลกสู่ EV มากกว่ายานยนต์ที่ใช้เครื่องยนต์สันดาปภายในทั่วไป  ประเทศไทยได้ก้าวตามกระแสนี้ตั้งแต่แรกเริ่ม และพร้อมสู่การเป็นศูนย์กลางหรือฮับด้านการผลิตยานยนต์ไฟฟ้าของภูมิภาค

เมื่อปี 2023 บริษัทบีวายดี (BYD) ยักษ์ใหญ่ด้านรถยนต์ไฟฟ้าจากประเทศจีนได้มีข้อตกลงด้านการผลิตกับไทย   ทำให้ตลาดอีวีของไทยคาดว่าจะสูงถึง 178.80 ล้านเหรียญสหรัฐในปี 2566 และคาดว่าจะมีอัตราการเติบโตต่อปีที่ 22.31% จนถึงปี 2570 ข้อตกลงนี้สอดคล้องกับรัฐบาลไทยที่มีแผนเปลี่ยน 30% ของการผลิตรถยนต์ทั้งหมดเป็น     อีวีภายในปี 2573

ด้วยเป้าหมายที่จะเริ่มผลิตรถยนต์นั่ง 150,000 คันต่อปีตั้งแต่ปี 2567  และตั้งเป้าขายในประเทศ 10,000 คัน       ที่เหลือจะส่งออกไปยังประเทศในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้และยุโรป เท่ากับเป็นการตอกย้ำบทบาทของไทยในฐานะศูนย์กลางการผลิตอีวีในภูมิภาค

ธนกฤต ธานีรัตน์ ผู้จัดการประจำประเทศไทย บริษัท ยูนิเวอร์ซัล  โรบอท กล่าวว่า ประเทศไทยเป็นแถวหน้าของ EVด้านระบบอัตโนมัติ และนโยบายที่มาพร้อมกับข้อตกลงกับผู้ผลิตรถยนต์ไฟฟ้าแสดงให้เห็นถึงการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญ ด้วยความมุ่งมั่นในการผลิตอีวี และการให้ประเทศเป็นศูนย์กลาง EVของภูมิภาค  อาจทำให้เกิดปัญหาทางด้านการผลิตเพิ่มขึ้น ซึ่งหุ่นยนต์โคบอทจะสามารถเข้ามาช่วยตอบโจทย์ได้

เพื่อสนับสนุนการเดินทางสู่การเป็นศูนย์กางการผลิต EV ในอาเซียนของประเทศไทย การนำหุ่นยนต์โคบอทมาใช้สามารถแก้ปัญหาต่างๆ ที่เผชิญในอุตสาหกรรมการผลิตได้ เนื่องจากกระบวนการประกอบบางส่วนต้องมีการนำเทคโนโลยีระบบอัตโนมัติเฉพาะเพื่อให้มั่นใจถึงมาตรฐานผลิตภัณฑ์  โคบอทจึงนำเสนอโซลูชันสำหรับผู้ผลิต

ข้อกำหนดการผลิตประกอบด้วยคุณภาพและความสามารถในการทำซ้ำ การยศาสตร์ ความแม่นยำในการใช้งาน ตลอดจนคุณภาพ แอปพลิเคชันที่ทำงานร่วมกันช่วยแก้ไขปัญหาการดำเนินงานเหล่านี้  สามารถปรับปรุงงานการผลิตที่ทำด้วยตนเองก่อนหน้านี้   “โคบอทสามารถช่วยประกันความต้องการด้านคุณภาพได้ รวมทั้งช่วยให้ผู้ปฏิบัติงานไม่ต้องทำงานซ้ำๆ และต้องใช้แรงกายมาก

“ความมหัศจรรย์ของการทำงานร่วมกันระหว่างคนกับเครื่องจักรคือการที่พนักงานสามารถทำงานในกระบวนการที่มีมูลค่ามากกว่าและต้องการการสัมผัสของมนุษย์” ธนกฤต กล่าว

สำหรับแบรนด์อื่นๆ  อาทิ เฟียต 500  (Fiat 500)  ที่เป็นไอโคนิคของรถยนต์ได้เข้ามาในกลุ่ม EVเช่นเดียวกัน แบรนด์อิตาลีนี้กำลังนำเสนอรถยนต์รุ่นไฟฟ้าที่แตกต่าง   การเปลี่ยนแปลงดังกล่าวหมายถึงสายการผลิตของรถยนต์จำเป็นต้องมีการนำเทคโนโลยีระบบอัตโนมัติเฉพาะมาใช้เพื่อให้เป็นไปตามมาตรฐานผลิตภัณฑ์  ซึ่งได้มีการใช้หุ่นยนต์โคบอทของยูอาร์ถึง11 ตัวที่โรงงานเพื่อช่วยในการผลิต  และสามารถทำงานร่วมกับพนักงานที่มีอายุมากโดยเฉลี่ยได้

โคบอทได้ช่วยงานต่างๆ ได้แก่ การใช้วัสดุกันน้ำที่ประตูรถ การตรวจสอบขนาดของซอฟต์ท็อป การติดฝากระโปรงหน้ารถ และการขันบานพับประตูด้านหลัง เป็นต้น

ธนกฤต กล่าวว่า่เมื่อประเทศไทยกำลังเติบโตเป็นศูนย์กลางการผลิต EV ของภูมิภาค ระบบอัตโนมัติจะเป็นกุญแจสำคัญในการเติบโตในอุตสาหกรรม เนื่องจากอุตสาหกรรมการผลิต  EV เป็นหนึ่งในจุดแข็งของประเทศ สิ่งสำคัญคือต้องเสริมความแข็งแกร่งให้มากขึ้น

สำหรับการใช้งานหุ่นยนต์ในภาคการผลิตของไทยนั้นยังน้อยกว่าค่าเฉลี่ยทั่วโลกในปี 2562 และต่ำกว่าคู่แข่งในภูมิภาค เช่น สิงคโปร์ อย่างไรก็ตาม ประเทศไทยใช้หุ่นยนต์เพิ่มขึ้น 36% ในปี 2564 และมีทิศทางที่สูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ซึ่งจะช่วยปรับปรุงภาคส่วนต่าง ๆ รวมถึงภาคการผลิต EV  โดยรวมแล้ว การนำระบบอัตโนมัติมาใช้จะช่วยให้เกิดประสิทธิผลและความสามารถในการทำกำไรเนื่องจากประสิทธิภาพและประสิทธิผล จะปรับปรุงอุตสาหกรรมให้ดียิ่งขึ้นและทำให้ดึงดูดนักลงทุนมากขึ้น ซึ่งจะทำให้ภาคส่วนเติบโตต่อไป