กรุงเทพฯ – ประเทศไทย : โนเกีย เดินหน้าสนับสนุนผู้ประกอบการระดับองค์กรในประเทศไทยบนเส้นทางสู่การเปลี่ยนผ่านด้าน 5G พร้อมชูนวัตกรรมเครือข่ายต่าง ๆ ที่จำเป็นสำหรับเครือข่ายที่สำคัญ ที่ต้องการความแม่นยำสูงและทำงานได้โดยอัตโนมัติ ภายในงานเสวนาพิเศษ ในงาน Byond Mobile ณ สามย่านมิตรทาวน์ ฮอลล์ ชั้น5 สามย่านมิตรทาว์น
โดยโนเกียได้นำนวัตกรรมล่าสุดของบริษัทมาจัดแสดงผ่านการสาธิตแบบอินเตอร์แอคทีฟ ตั้งแต่การใช้งาน 5G ไปจนถึงการประยุกต์ใช้งานที่เกี่ยวกับการพัฒนาอุตสาหกรรม 4.0 ของผู้ใช้งานที่เป็นผู้ประกอบการระดับองค์กรจนถึงระดับผู้บริโภค การเข้าร่วมในงานครั้งนี้ของโนเกียเป็นการตอกย้ำถึงพันธกิจของบริษัทกับการมีส่วนร่วมเพื่อนำพาประเทศไทยเดินหน้าสู่ยุทธศาสตร์การพัฒนาอุตสาหกรรม และกำหนดเส้นทางสู่ความเป็นผู้นำด้าน 5G ในประเทศไทย
มร.อาเจย์ ชาร์มา ผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท โนเกีย ประจำประเทศไทยและกัมพูชา กล่าวว่า โนเกียลงทุนใน 130 ประเทศทั่วโลก รวมทั้งไทย ในปี2020 ลงทุนด้านวิจัยและพัฒนา 130 พันล้านยูโร ในปี 2021 โนเกียมี Patentsสำหรับสิ่งประดิษฐ์คิดค้นใหม่มากกว่า 1,500 Patents มีการจัดตั้ง Innovation Center ใน 17 ประเทศ ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้จัดตั้งที่ฟิลิปปินส์ ขณะนี้โนเกียกำลังพัฒนา 6G ซึ่งคาดว่า 6G จะมาในปี 2030
ประเทศไทยเป็นหนึ่งในตลาดกลุ่มแรก ๆ ของภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกที่เปิดตัว 5G เพื่อใช้ในการผลักดันและพัฒนาด้านเศรษฐกิจและสังคมของประเทศ รัฐบาลไทยได้ให้ความสำคัญด้านการใช้งานเทคโนโลยีเพื่อสร้างสรรค์โอกาสใหม่ ๆ และสร้างให้ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางของกิจการด้านดิจิทัล ด้วยการเน้นถึงการปรับใช้งานเทคโนโลยี 5G เพื่อขับเคลื่อนการเติบโตทางเศรษฐกิจที่ครอบคลุมในหลายภาคส่วนที่รวมถึงด้านการสาธารณสุข การศึกษา การคมนาคม และการเกษตรกรรม โดยโนเกียในไทยมีเป้าหมายที่จะเป็นหุ้นส่วนที่เชื่อถือได้ขององค์กรชั้นนำในระบบ 5 G เป็นผู้นำด้านเทคโนโลยี และโฟกัสตลาดใหม่ๆ คือ Enterprise และอุตสาหกรรม
โนเกียในฐานะที่ได้รับการยอมรับเป็นอย่างกว้างขวางว่าเป็นผู้นำด้าน 5G และระบบเครือข่ายเพื่ออุตสาหกรรม 4.0 ได้ทำงานมาอย่างต่อเนื่องในการขับเคลื่อนโซลูชันสำหรับผู้ประกอบการระดับองค์กร และพัฒนาระบบนิเวศสำหรับองค์กรและภาคอุตสาหกรรมในประเทศไทย บริษัทมีความมุ่งมั่นในการนำเสนอโซลูชันที่ออกแบบมาตามวัตถุประสงค์สำหรับการเปลี่ยนผ่านสู่ความเป็นดิจิทัลของแผนการพัฒนาอุตสาหกรรม 4.0 และการใช้งานในบริบทอื่นนอกเหนือจากนี้ ทั้งปัจจุบันและอนาคต
ในงาน Byond Mobile โนเกีย ได้จัดแสดงการใช้งานและโซลูชันมากมายที่ใช้เทคโนโลยี 5G โดยสาธิตให้เห็นถึงประสิทธิภาพของเทคโนโลยี 5G ที่จะเป็นประโยชน์ให้กับผู้ให้บริการด้านการสื่อสารและผู้ประกอบกิจการระดับองค์กร นอกจากนี้บริษัทฯ ยังแสดงให้เห็นถึงความเป็นผู้นำตลาดในด้าน เทคโนโลยีการสื่อสารไร้สาย (RAN), เทคโนโลยีโครงข่ายอินเทอร์เน็ต, เทคโนโลยีโครงข่ายใยแก้วนำแสง (IP and Optics), เครือข่ายคลาวด์ และธุรกิจองค์กร เพื่อเสนอโซลูชันสำหรับภารกิจสำคัญสำหรับลูกค้าประเภทองค์กรในประเทศไทย เช่นเดียวกับโซลูชันเพื่อความยั่งยืนที่ช่วยลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์และค่าใช้จ่ายด้านพลังงาน เพื่อสร้างเสริมคุณภาพชีวิตที่ดียิ่งขึ้นสำหรับประเทศไทย
สำหรับนวัตกรรมที่โนเกียได้นำมาจัดแสดง ประกอบด้วย 1.เสาอากาศ AirScale massive MIMO ชุดเสาอากาศ AirScale massive MIMO ของโนเกีย ที่มีทั้งแบบเสาอากาศรุ่น 32TRX และ 64TRXสำหรับย่านความถี่กลางของ TDD 4G และ 5G ที่มาพร้อมชิปเซ็ต ReefShark รุ่นใหม่จากโนเกีย (ReefShark System on Chip: SoC) โดยเสาอากาศ massive MIMO รุ่นใหม่นี้จะช่วยเสริมประสิทธิภาพการทำงานของเทคนิค beamforming ที่ครอบคลุมสำหรับการปรับใช้งานในหลากหลายบริบท ทั้งพื้นที่ชุมชนเมืองที่หนาแน่น และพื้นที่บริเวณกว้างที่ต้องการความครอบคลุมของสัญญาณ
2.ระบบระบายความร้อน Liquid Cooled AirScale หนึ่งในผลิตภัณฑ์กลุ่ม AirScale Base Station ของโนเกีย ซึ่งใช้เทคโนโลยีระบายความร้อนด้วยของเหลว (Liquid Cooling) เพื่อช่วยให้เครือข่ายคลื่นวิทยุมีความยั่งยืนและคุ้มทุนยิ่งขึ้น ด้วยการลดการใช้พลังงานสำหรับการระบายความร้อนให้สถานีฐาน ทั้งยังช่วยลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ได้มากสุดถึง 80 เปอร์เซ็นต์
3.บริการไร้สายแบบประจำที่ (FWA) สำหรับ 5G ของโนเกียช่วยเติมเต็มการเสนอขายเครือข่ายไร้สายของลูกค้าองค์กร ด้วยการนำมาซึ่งผลตอบแทนใหม่ และเปิดโอกาสในการนำเสนอบริการใหม่ ๆ สำหรับการใช้งานในที่พักอาศัยและสถานประกอบการ ด้วยบริการไร้สายแบบประจำที่ดังกล่าว ลูกค้าสามารถรับสัญญาณอินเทอร์เน็ตบรอดแบนด์แบบ Fiber-like broadband ได้ทุกที่ที่มีคลื่นความถี่เครือข่ายไร้สายรองรับ
4.การเชื่อมต่อเครือข่ายไร้สายแบบส่วนตัวสำหรับองค์กร เครือข่ายไร้สายแบบส่วนตัวสำหรับการใช้งานระดับอุตสาหกรรมของโนเกีย ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการเปลี่ยนผ่านสู่ความเป็นดิจิทัลของการพัฒนาอุตสาหกรรม 4.0 ด้วยตัวเลือกที่หลากหลายของโซลูชันเครือข่ายไร้สายแบบส่วนตัวครบวงจรทำให้โนเกียสามารถนำเสนอในด้านความคล่องตัวและความสะดวก ซึ่งเป็นสิ่งจำเป็นต่อการใช้งานในองค์กรต่าง ๆ ให้ปรับใช้งานได้อย่างลงตัวกับความต้องการที่แตกต่างกันไปในแต่ละประเภทอุตสาหกรรม
5.เราเตอร์รุ่น FP5 แพลตฟอร์มเราเตอร์สำหรับบริการอินเทอร์เน็ตตัวใหม่ของโนเกียที่ใช้ชิปรุ่นใหม่ล่าสุด FP5 ช่วยให้ผู้ให้บริการเพิ่มความสามารถในการให้บริการตามความต้องการที่ปรับเปลี่ยนไปในปัจจุบัน เพื่อเพิ่มคุณภาพของเครือข่ายได้อย่างมีประสิทธิภาพ อีกทั้งช่วยให้สามารถให้บริการอินเทอร์เน็ตที่ความเร็วสูงขึ้น และให้การป้องกันการเผชิญความเสี่ยงจากภัยคุกคามด้านไซเบอร์ผ่านกลไกด้านความปลอดภัยแบบใหม่ของ Nokia ที่มีชื่อว่า “ANYsec”
6.ประสบการณ์ช้อปปิ้ง ด้วยศูนย์ปฏิบัติการทางดิจิทัล (Digital Operation Center) และระบบป้องกันภัยคุกคามด้านไซเบอร์อย่าง SA Core-NetGuard Cyber security Dome ทำให้โนเกียสามารถมอบที่สุดแห่งประสบการณ์แห่งโลกอนาคตแก่ลูกค้าได้ ไม่ว่าจะเป็น ระบบไซเบอร์กายภาพของเทคโนโลยีผสมผสานโลกเสมือน หรือ AR ที่ช่วยรังสรรค์ระบบนิเวศที่เอื้อต่อการสื่อสารเพื่อการโฆษณาสำหรับธุรกิจค้าปลีก โดยเทคโนโลยี AR ดังกล่าวจะช่วยให้ลูกค้าสามารถรับรู้ถึงตัวผลิตภัณฑ์และมีส่วนร่วมกับแบรนด์ได้ขณะที่กำลังดูโปรโมชั่นหรือการขายที่เกิดขึ้นภายในร้าน
มร.อาเจย์ ชาร์มา กล่าวว่า จากความพยายามอย่างต่อเนื่องเพื่อที่จะเร่งใช้ประโยชน์โซลูชันด้านการเปลี่ยนผ่านสู่ความเป็นดิจิทัลเพื่อขับเคลื่อนการเติบโตทางเศรษฐกิจ ประเทศไทยจึงนับเป็นหนึ่งในตลาด 5G ที่มีศักยภาพในการเติบโตที่สูงที่สุดในภูมิภาคนี้ โซลูชัน 5G ชั้นนำต่าง ๆ ที่โนเกียจัดแสดงภายในงานนี้ล้วนอยู่ในบริบทของยุทธศาสตร์แห่งชาติประเทศไทยเพื่อสร้างสรรค์เศรษฐกิจซึ่งตั้งอยู่บนพื้นฐานของคุณค่าที่ขับเคลื่อนไปข้างหน้าด้วยนวัตกรรม เทคโนโลยี และความคิดสร้างสรรค์
“เราให้คำมั่นว่าจะสนับสนุนผู้ประกอบการระดับองค์กรในประเทศไทยตลอดเส้นทางของการเปลี่ยนผ่านเข้าสู่ 5G รวมถึงการนำเสนอนวัตกรรมเครือข่ายที่จำเป็นสำหรับเครือข่ายสำคัญที่ทำงานได้อัตโนมัติและมีความแม่นยำสูง” มร.อาเจย์ ชาร์มา กล่าวทิ้งท้าย