ซีเมนส์ ผู้นำด้านเทคโนโลยีและโซลูชันภาคอุตสาหกรรมระดับโลก ได้นำเทคโนโลยีที่ทันสมัยเข้ามาใช้ในอุตสาหกรรมอาหารและเครื่องดื่ม เพื่อเร่ง Digital Transformation ช่วยให้สามารถผลิตได้มากขึ้น รวดเร็วขึ้น มีความยืดหยุ่นพร้อมรับความเปลี่ยนแปลง เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม และใช้ทรัพยากรน้อยลงอย่างยั่งยืน
โจเซฟ คง หัวหน้ากลุ่มธุรกิจอุตสาหกรรมดิจิทัล ซีเมนส์ ประเทศไทย กล่าวว่า การดำเนินธุรกิจเพื่อความยั่งยืนไม่ส่งผลกระทบต่อผู้บริโภค สิ่งแวดล้อมและส่วนต่างๆกำลังเป็นเป้าหมายที่ตัวโลกกำลังหันมาตระหนักและเร่งดำเนินการทรานฟอร์มธุรกิจของตนเองตั้งแต่ต้นน้ำสู่ปลายน้ำให้ปรับรับการเปลี่ยนแปลงดังกล่าวมาอย่างต่อเนื่อง โดยทาง ซีเมนส์เองได้ตระหนักในการดำเนินธุรกิจสู่ความยั่งยืนเช่นเดียวกัน โดยได้คิดค้นนวัตกรรมและโซลูชันใหม่ตอบสนองภาคอุตสาหกรรมที่เป็นส่วนหลักที่สำคัญในการสร้างผลกระทบทางสิ่งแวดล้อม กระทบต่อการใช้ชีวิตของผู้บริโภค โดยเฉพาะอุตสาหกรรมการอาหารและเครื่องดื่มซึ่งว่าเป็นหนึ่งในอุตสาหกรรมหลักที่ต้องเผชิญกับความท้าทายทั้งทางด้านการผลิตและผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม จากสถิติ 30% ของการปล่อยก๊าซเรือนกระจกของโลกเกิดจากการผลิตและบรรจุอาหารและ 70% ของปริมาณน้ำจืดบนโลกถูกใช้โดยอุตสาหกรรมอาหาร
สำหรับประเทศไทย อุตสาหกรรมอาหารและเครื่องดื่มยังเป็นกลุ่มอุตสาหกรรมสำคัญต่อเศรษฐกิจของประเทศ จากข้อมูลของเว็บไซต์วิจัยและเก็บสถิติชั้นนำ Statista ระบุ ณ เดือนมีนาคม พ.ศ. 2566 ดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรม (MPI) ในกลุ่มผลิตภัณฑ์อาหารของประเทศไทยอยู่ใน อันดับที่ 3 (119.17 จุด) รองจากกลุ่มเภสัชภัณฑ์และยาเตรียม (132.28 จุด) และอันดับ 1 คือกลุ่มเครื่องจักรกลและอุปกรณ์อุตสาหกรรม (142 จุด) ซึงหากผู้ประกอบการอุตสาหกรรมอาหารและเครื่องดื่มปรับใช้เทคโนโลยีที่เหมาะสมในกระบวนการผลิตจะช่วยให้สามารถผลิตได้มากขึ้นเร็วขึ้น มีความยืดหยุ่นพร้อมรับความเปลี่ยนแปลง กระบวนการผลิตจะเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมมากขึ้นและใช้ทรัพยากรน้อยลง
“การทำDigital Transformation เพื่อให้ความยั่งยืนในประเทศไทยนั้น บริษัทขนาดใหญ่ได้ดำเนินการมาอย่างต่อเนื่อง เช่น มีการปรับเปลี่ยนเครื่องจักรและการนำนวัตกรรมใหม่ๆที่เหมาะสมไปใช้กับการดำเนินธุรกิจภาคอุตสาหกรรม ส่วนผู้ประกอบรายเล็กๆและสตาร์ทอัปบางรายที่เริ่มดำเนินการแล้ว แต่ส่วนใหญ่ยังติดปัญหาแหล่งเงินทุนในการที่จะนำมาปรับเปลี่ยนเครื่องจักรและเลือกโซลูชันที่เหมาะสมมาใช้ในกระบวนการผลิต เชื่อว่าหากมีการปรับนำเทคโนโลยีโซลูชันและเครื่องที่เหมาะสมมาใช้ในทุกภาคอุตสาหกรรมของไทยจะช่วยให้การดำเนินธุรกิจมีประสิทธิภาพ ลดการสูญเสียในระบบการทำงานเเละเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืน” โจเซฟ กล่าว
ด้านซาช่า แมนแนล ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายขายระบบอัตโนมัติโรงงาน กลุ่มธุรกิจอุตสาหกรรมดิจิทัล ซีเมนส์ เอเชีย-แปซิฟิก กล่าวว่า สำหรับเทคโนโลยีและโซลูชัน ที่จะช่วยเร่ง Digital Transformation เพื่อสร้างความยั่งยืนสำหรับอุตสาหกรรมอาหารและเครื่องดื่ม แบบ End-to-End ที่ทางซีเมนส์ นำมาจัดแสดงภายในงาน ProPak Asia 2023 เช่น โซลูชันการเกษตรแนวตั้ง (Vertical Farming) สามารถลดผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อมได้ตั้งแต่ต้นน้ำถึงปลายน้ำ (End-to-End) ควบคุมด้วยโทรศัพท์มือถือ แทบเล็ต ตามระบบที่ได้ติดตั้งไว้ ทั้งการตั้งเวลารดน้ำ ใส่ปุ๋ยและอื่นๆ ซึ่งจะช่วยประหยัดน้ำได้ถึง 95% เทียบกับการทำเกษตรทั่วไป เพิ่มผลผลิตได้มากกว่า 300 เท่าต่อตารางฟุต ลดคาร์บอนฟุตปริ้นตั้งแต่ฟาร์มจนถึงโต๊ะกินข้าวและก่อให้เกิดขยะน้อยกว่า ที่สำคัญใช้พลังงานหมุนเวียน 100% และไม่มียากำจัดศัตรูพืช ราคาเริ่มต้นสำหรับผู้ที่สนใจอยู่ที่ประมาณ 500,000 ขึ้นอยู่กับขนาดและพื้นที่ในการนำโซลูชันนี้ไปติดตั้งเพื่อใช้งานด้วย
โซลูชัน Industrial 5G Wireless Networks ออกแบบสำหรับอุตสาหกรรมโดยเฉพาะ ด้วยการเชื่อมต่อความเร็วสูงที่มีความหน่วงในการส่งข้อมูลต่ำในระดับ 1 มิลลิวินาที มีความเสถียรและปลอดภัยสูง ช่วยรองรับการใช้แอปพลิเคชันอุตสาหกรรม เช่น หุ่นยนต์เคลื่อนที่ การขนส่งอัตโนมัติ รถลำเลียงสินค้าที่ทำงานด้วยระบบอัตโนมัติ และเพิ่มประสิทธิภาพการเชื่อมต่อระหว่างอุปกรณ์ เซนเซอร์ และระบบการทำงานทั้ง Information Technology (IT) และ Operation Technology (OT) ให้ลื่นไหลไร้รอยต่อ สามารถแลกเปลี่ยนข้อมูลได้แบบเรียลไทม์ สนับสนุน massive Machine-Type Communications (mMTC) ทำให้สามารถติดตั้งอุปกรณ์ IoT จำนวนมากได้ เพื่อจัดเก็บและวิเคราะห์ข้อมูลได้ดียิ่งขึ้น